เมื่อพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์หรือการให้บริการต่างๆ สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือเรื่องของกำไรและการขาดทุน เพราะหนึ่งในเป้าหมายของการทำธุรกิจก็คือสร้างรายได้ให้ครอบคลุมเงินลงทุน รวมไปถึงทำกำไรเพื่อที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับนักธุรกิจหรือพ่อค้าแม่ขายมือใหม่ ก็อาจจะไม่ทราบถึงวิธีคิดกําไรขาดทุน
ในบทความนี้ MyShop จึงจะมาแนะนำการคิดกำไรและการขาดทุนเบื้องต้นสำหรับพ่อค้าแม่ขายมือใหม่ที่พึ่งเริ่มหันมาทำธุรกิจออนไลน์กันครับ
ทำความรู้จักคำว่า “กำไร” และ “ขาดทุน”
คำนิยามของทั้งสองคำนี้สามารถอธิบายได้ง่ายๆ กำไร คือรายได้ที่มากกว่ารายจ่าย ส่วนการขาดทุน ก็จะเกิดขึ้นเมื่อธุรกิจสร้างรายได้น้อยกว่าเงินที่ลงทุนไปตอนต้น ซึ่งหากทำออกมาในรูปแบบของสมการจะเป็น ดังนี้
รายได้ - ค่าใช้จ่าย = กำไร/ขาดทุน
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยเห็นสมการนี้ผ่านตากันมาบ้างแล้ว เมื่อหลายๆ คนเห็นจึงอาจคิดว่าวิธีคิดกําไรขาดทุนอาจจะไม่ได้ยากเย็นอะไรมากมาย เพราะ “รายได้” ก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่ามาจากการขายของ อย่างไรก็ตาม ส่วนที่จะซับซ้อนมากขึ้นอยู่ตรงที่ “ค่าใช้จ่าย” ซึ่งต้องนิยามให้แน่ชัดว่ามีอะไรบ้าง ถ้าหากเป็นร้านค้าที่มีหน้าร้าน คงต้องคำนึงถึงรายจ่ายหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ ต้นทุนสินค้า ค่าเช่าที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำมัน ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าประกัน ฯลฯ ถ้ามองแบบนี้แล้ว การจะทำกำไรนั้นอาจดูเป็นเรื่องยากเมื่อเทียบกับเว็บขายของออนไลน์ ที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
ว่าด้วยเรื่องของ “กำไร”
มุมมองของกำไร ที่ผู้คนส่วนใหญ่นึกถึงก็คือ “ขายสินค้าในราคาสูงกว่าต้นทุน” หากคุณจำหน่ายเสื้อผ้าที่มีต้นทุนราคา 100 บาท แล้วขายในลูกค้าไปในราคา 350 บาท กำไรที่จะได้ก็คือ 250 บาท ซึ่งที่กล่าวไปคือ กำไรเบื้องต้น นั่นเองครับ
อย่างไรก็ตามกำไรเบื้องต้นอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอสำหรับการทำธุรกิจแบบจริงจังเพราะการค้าขายมีค่าใช้จ่ายมากกว่ากําไรหักต้นทุนสินค้า หากเราขายของที่ตลาดเราก็ต้องมีการเสียค่าเช่าที่ หากขายผ่านแอปขายของออนไลน์ก็อาจจะมีค่าโฆษณาที่ทั้งหมดต้องนำมาคำนวณเพื่อหากำไรสุทธิหรือกำไรรวม สูตรการคิดคือ
กำไรสุทธิ = รายได้รวม – ค่าใช้จ่ายรวม
ประโยชน์ของการคิดแบบนี้ก็เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการได้ทราบว่า กำไรแท้จริงที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าหรือบริการนั้นรวมอยู่ที่เท่าไหร่กันแน่ เพราะหากเกิดการขาดทุนหรือกำไรสุทธิติดลบ ก็จะสามารถค้นหาจุดที่เกิดปัญหาได้อย่างละเอียดและแก้ไขได้ทันท่วงที ก่อนที่ธุรกิจจะเสียหายหรือเกิดมีรายจ่ายเข้าเนื้อนั่นเองครับ
สูตรสำคัญอื่นๆ สำหรับการดำเนินกิจการ
นอกเหนือจากการคำนวณกำไรและรายจ่ายแล้ว ยังมีสูตรการคำนวณอื่นๆ ที่พ่อค้าแม่ขายสามารถนำมาใช้กับร้านค้าออนไลน์ของท่านได้อีกด้วยครับ เช่น
- สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนทุนของเจ้ากิจการ
ใช้เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างทางการเงินของกิจการ ว่าสินทรัพย์ทั้งหมดของกิจการเกิดจากเงินทุนของเจ้าของกิจการรวมจากการสร้างหนี้ เช่น การกู้ยืมธนาคาร เป็นจำนวนเท่าใด
- กำไรสะสมปลายปี = กำไรสะสมต้นปี + กำไรสุทธิ – เงินปันผลจ่าย
เป็นสูตรทางบัญชีเพื่อใช้จัดทำงบกำไรสะสม ซึ่งเป็นงบที่แสดงผลการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มกิจการจนถึงงวดบัญชีปัจจุบัน ว่ากิจการมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าไหร่
- ค่าเสื่อมราคาแบบตรง = (มูลค่าสินทรัพย์ – ค่าซาก) ÷ จำนวนปีที่ใช้งาน
สำหรับเจ้าของกิจการที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาว เช่น เครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้า ต้องคิดค่าเสื่อมของสินทรัพย์นั้นๆ ตามหลักการทางบัญชีด้วยสมมติฐานที่ว่า สินทรัพย์จะเสื่อมสภาพไปตามระยะเวลามากกว่าการใช้งาน และการเสื่อมสภาพนั้นจะเป็นไปในอัตราที่เท่ากันทุกปี
ขายของยังไงไม่ให้ขาดทุน
นอกจากวิธีคิดกําไรขาดทุน การขายของให้ไม่ขาดทุน ต้องทำยอดขายให้มากกว่าค่าใช้จ่าย ซึ่งพ่อค้าแม่ขายก็ต้องทำความเข้าใจค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ได้กล่าวไปเบื้องต้น นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องมีการคำนึงถึงปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ เช่น เงินหมุน ทุนสำรอง และ การทำบัญชี
สำหรับส่วนนี้ลองยกตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่พ่อค้าแม่ขายส่วนมากต้องคำนึงถึง มีอะไรบ้าง ให้ลองพิจารณาต้นทุนและค่าใช้จ่ายดังนี้
- ต้นทุนสินค้า ว่าซื้อมาในราคาเท่าไร
- ค่าทำการตลาด เช่นการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ร้านค้าบนสื่อต่างๆ
- ค่าเช่าที่ หรือหากขายผ่านเว็บขายของออนไลน์ ก็อาจจะเป็นค่าบริการโดเมนเนม
- เงินเดือนเจ้าของ อย่าลืมให้เงินเดือนกับตัวคุณเองด้วย ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการพิจารณาครับ
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ภาษี ค่ารถ ค่าน้ำค่าไฟ
ยกตัวอย่างเช่น หากภายใน 1 เดือน ธุรกิจของคุณมีรายได้และรายจ่ายเป็นดังนี้
- ยอดขายรวม 30,000 บาท
- ต้นทุนสินค้า 10,000 บาท
- กำไรเบื้องต้น 20,000 บาท (30,000 – 10,000)
- ค่าการตลาด 2,000 บาท
- เงินเดือนเจ้าของ 10,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวม 5,000 บาท
กำไรโดยรวมที่จะได้ในเดือนนั้นจะเท่ากับ 3,000 บาท คิดโดยการนำ กำไรเบื้องต้น 20,000 บาท มาลบกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในกรณีนี้คือ ค่าการตลาด 2,000 บาท เงินเดือนเจ้าของ 10,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่น 5,000 บาท รวมเป็น 17,000 บาท เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้แรกๆ อาจจะยังไม่ได้กำไรเยอะ แต่เมื่อมีลูกค้ามากขึ้นและสามารถคำนวณรายจ่ายสุทธิได้อย่างลงตัว ร้านค้าก็จะพัฒนาขึ้นตามลำดับครับ
เรื่องวิธีคิดกําไรขาดทุนอาจจะหนักหนาเอาการสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นชิน แถมยังต้องแบ่งเวลาไปขายของอีก ให้ MyShop เป็นตัวช่วยนะครับ เพราะเป็นตัวช่วยขายของออนไลน์ผ่าน LINE ที่สามารถใช้ผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์หลากหลาย อย่าง ระบบนับสต๊อก รับออเดอร์คำสั่งซื้อจากลูกค้า ติดตามสถานะการส่งสินค้า และอื่นๆ อีกเพียบ ให้ MyShop ช่วยพ่อค้าแม่ขายเพิ่มยอดขายแบบปังๆ กันนะครับ เปิดบัญชีได้เลย ที่นี่