ห้ามพลาด! เทคนิคขายของออนไลน์ที่แม้แต่สุดยอดนักขายยังต้องซูฮก

webclip.png
25 Mar 2021

การจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ มักขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจากผู้บริโภค อุตสาหกรรม คู่แข่ง และเทคนิคขายของออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ครับ

ในบทความก่อนหน้านี้ ได้กล่าวถึง 5 เทคนิคการขายของออนไลน์ให้ปังใน MyShop ที่พ่อค้าแม่ขายควรรู้ ไปแล้ว และวันนี้ MyShop ก็จะมาแบ่งปันวิธีขายของออนไลน์ต่างๆที่แม้จะดูเรียบง่าย แต่พลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะสุดยอดนักขายหลายท่านก็มักยอมให้กับเทคนิคเหล่านี้เหมือนกันครับ

วิธีขายของออนไลน์ที่ปัง เริ่มจากเทคนิคการคว้าข้อมูล

ในยุคที่การทำธุรกิจออนไลน์มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ หากพ่อค้าแม่ขายตัดสินใจที่เปิดร้านออนไลน์ของตนเอง โดยไม่มีเทคนิค หรือการค้นคว้าข้อมูลใดๆ ก็จะเป็นการเสียเปรียบอย่างมาก แล้วข้อมูลอะไรที่สำคัญ?
ก็ต้องขอตอบว่า
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับร้านของท่าน” ครับ ซึ่งเทคนิคการคว้าข้อมูล มีดังนี้

  • สร้าง Buyer Persona ลูกค้าในอุดมคติ
    Buyer Persona คือการสร้างแบบจำลอง ลูกค้าในอุดมคติของร้านค้าออนไลน์ของท่าน ไม่ว่าจะเป็น อายุ เพศ ความชอบ พฤติกรรม ไลฟ์สไตล์  ฯลฯ ซึ่งถ้าหากท่านพึ่งจะเริ่มขายของออนไลน์ การสร้าง Buyer Persona เป็นเทคนิคการทำความเข้าใจกับผู้บริโภคและร้านค้าของท่านเองไปในตัวด้วย เพื่อให้พ่อค้าแม่ขายได้รู้ว่าการตลาดแบบไหนเหมาะกับลูกค้าของท่าน
  • ศึกษาจากคู่แข่ง
    มีข้อมูลมากมายที่พ่อค้าแม่ขายสามารถ เรียนรู้จากคู่แข่งของตัวเองได้ อาจเริ่มจากการศึกษาร้านค้าที่ขายของคล้ายๆ กัน ไปจนจึงแบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จมาก่อนแล้ว ข้อมูลที่ท่านควรรวบรวมไว้ เช่น โปรโมชัน รูปแบบคอนเทนต์ รีวิว และข้อสังเกตต่างๆ ที่ทำให้คู่แข่งประสบความสำเร็จในการขายสินค้า
  • เก็บข้อมูลแบบ Third-Party Data
    คือข้อมูลที่เกิดจากการเก็บมาจากหลากหลายช่องทางที่มีการรวบรวมเอาไว้เช่น การที่ใครหลายคนไปเดินห้าง แวะชมร้านอาหาร หรือร้านเสื้อผ้า สถานที่เหล่า ก็มักจะเก็บข้อมูลผู้ที่มาเยี่ยมชม หรือข้อมูลลูกค้าเอาไว้ ผ่านการให้แบบสอบถาม การลงทะเบียน สมัครสมาชิก ฯลฯ ซึ่งแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โซเชียล เว็บไซต์ หรือ ออนไลน์มาร์เก็ตเพลส ก็ล้วนมีการเก็บข้อมูลในเชิงเดียวกัน ที่มี 2 ประเภทได้แก่
  1. Non-personally Identifiable Information (Non-PII) : ข้อมูลแบบไม่ระบุตัวตน เช่นพวกข้อมูลใน Facebook Insights, Google Analytics
  2. Personally Identifiable Information (PII) : ข้อมูลแบบระบุตัวตนเช่นพวกข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ที่ต้องผ่านการยินยอมจากบุคคลนั้นๆ  จึงจะสามารถรวบรวมไว้ได้

ซึ่งถ้าหากพ่อค้าแม่ขายที่มีร้านค้าออนไลน์อยู่แล้ว ทาง MyShop เชื่อว่าท่านสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ มาวิเคราะห์ และทำความเข้าใจ เพื่อสร้างเทคนิคสื่อสารที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้หลายเท่าครับ

การจัดการ ดึงดูด และดูแลผู้บริโภค คือกุญแจไขความสำเร็จ

อีกหนึ่งเทคนิคขายของออนไลน์ก็คือ การจัดการ การดึงดูด และการดูแลลูกค้าของร้าน ทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าในอนาคต หากขาดการดูแล ร้านค้าก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ยุ่งเหยิงมากเลยทีเดียว ซึ่งเทคนิคการจัดการและเข้าหาผู้บริโภค มีดังนี้

  • การจัดการ Customer Segmentation แยกแยะลูกค้า
    ผู้บริโภคต่างกันก็ต้องดูแลกันคนละแบบ ผู้หญิงวัย 22 ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก็จะมีความชอบที่ต่างจากผู้ชายอายุ 34 ที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร้านค้าของท่านมีสินค้าที่หลากหลาย ซึ่งการแบ่งกลุ่มลูกค้า จะมีอยู่ 4 แบบ
  1. Demographic : แบ่งกลุ่มลูกค้าตามข้อมูลพื้นฐาน เช่น  เพศ อายุ อาชีพ รายได้ การศึกษา ฯลฯ
  2. Geographics : คือการจัดกลุ่มลูกค้าตามพื้นที่ เพราะเดินทาง การใช้ชีวิตในพื้นที่ที่ต่างกัน ก็อาจจะมีความต้องการที่ต่างกันไปด้วย
  3. Psychographic : ก็คือข้อมูลด้านความคิด ความเชื่อ ความต้องการส่วนตัว ที่รวบรวมได้ยาก และมักต้องรวบรวมจากการสอบถามลูกค้าโดยตรง
  4. Behavioral : จัดการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็นการหา Top Spenders, Top Frequent Buyer, หรือการทำโมเดล RFM
  • การดึงดูดลูกค้าผ่าน Scarcity
    Scarcity เป็นเทคนิคการขายของ ที่ตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า ผู้คนมักจะไม่สนใจสิ่งที่อยู่มากมายเหลือเฟือ แต่มักจะโหยหาสิ่งที่ขาดแคลน เช่น “จองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่วันนี้ รับฟรี! หูฟังไร้สายมูลค่า 3,000 บาท เฉพาะ 100 ท่านแรก ภายในวันนี้เท่านั้น!” ท่านอยากเข้าหาร้านนี้ไหมครับ? ซึ่ง Scarcity เป็นการดึงดูดลูกค้า ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เวลา หรือจำนวนสินค้า
  • กลยุทธ์ Cross-sell และ Up-sell
    หากท่านใดที่ทำงานเกี่ยวกับการเซลล์สินค้า ก็คงจะคุ้นเคยกับเทคนิคทั้งสองเป็นอย่างดี เพราะเป็นการเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับร้านค้าที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก
  1. Cross-Sell : เป็นเทคนิคการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าสนใจ หรือต้องการจะซื้ออยู่แล้ว เช่น ลูกค้าต้องการซื้อโน้ตบุ๊ค แต่พ่อค้าแม่ขายสามารถเสนอ เมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง เสริมเข้าไปได้ด้วย
  2. Up-Sell : คือการเสนอสินค้าประเภทเดียวกันกับที่ลูกค้าสนใจ แต่มีมูลค่ามากกว่า ซึ่งมักจะเสนอพร้อมกับโปรโมชัน หรือบอกข้อดีของสินค้าที่มีมูลค่ามากกว่า เช่น ลูกค้าต้องการรองเท้าในราคา 900 บาท แต่พ่อค้าแม่ขายเสนอให้ลูกค้าเพิ่มเงินอีก 100 บาท เพื่อซื้อรองเท้าที่ใส่สบายกว่า

การจัดการ ดึงดูด และดูแลลูกค้าทั้ง 3 แบบที่กล่าวมานี้ล้วนเกื้อหนุนกันเพราะการสร้าง Scarcity หรือการทำ Up-Sell และ Cross-Sell ก็ต้องพึ่งข้อมูลจากการแบ่ง Customer Segmentaion ด้วยครับ

แพลตฟอร์มที่เป็นเหมือนคู่หู คู่ค้าขาย

บนแพลตฟอร์มการขายต่างๆ ก็จะมีระบบและฟีเจอร์ที่ไว้อำนวยความสะดวกทั้งผู้ค้าขาย และผู้บริโภค ซึ่งระบบหลังบ้านที่มักจะนิยมใช้ก็เริ่มจาก แชทบอท ที่สามารถช่วยตอบแชทลูกค้าแทนได้ ระบบสต็อกสินค้าที่ทำให้ไม่ต้องคอยเช็คสินค้าอยู่บ่อยๆ และระบบจัดการออร์เดอร์กับส่งสินค้า ที่ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อสามารถติดตามได้ ถึงแม้การพึ่งพาฟีเจอร์เหล่านี้จะไม่ใช่เทคนิคขายของออนไลน์โดยตรงก็ตาม แต่ต้องบอกเลยว่ามันจะทำให้ทุกท่านกลายเป็นสุดยอดนักขายแน่นอน

ถ้าแพลตฟอร์มที่พ่อค้าแม่ขายมีอยู่ ยังขาดฟังก์ชันสำคัญไป MyShop นั้นสามารถช่วยท่านได้ครับ เพราะมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย แถมยังให้ท่านสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายด้วยตัวเอง หากพ่อค้าแม่ขาย ที่สนใจให้ MyShop เป็นเพื่อนคู่ค้าขาย คลิก ที่นี่

เปิดร้านขายบน LINE SHOPPING ได้แล้ววันนี้

ต่อยอดการขายด้วย MyShop เครื่องมือตัวช่วยจัดการร้านค้าจาก LINE

บทความที่เกี่ยวข้อง
my-shop-logo

ตัวช่วยการขายที่ทุกร้านค้าออนไลน์ต้องมี

MyShop Download on the App Store MyShop Get it on Google Play

© LY Corporation 2023