- นาซ่าก็พาลูกค้ากลับมาไม่ได้! 5 พฤติกรรมผู้บริโภค ยุค New Normal ที่เปลี่ยนไป
นาซ่าก็พาลูกค้ากลับมาไม่ได้! 5 พฤติกรรมผู้บริโภค ยุค New Normal ที่เปลี่ยนไป
ลองมองย้อนไปเมื่อตอนที่เรายังไม่ต้องใส่แมสออกไปข้างนอกดู… เห็นแล้วก็อดคิดถึงได้ใช่มั้ยครับ นอกจากการใส่แมสแล้ว ยังมีอะไรหลายสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ยุค New Normal ที่แตกต่างจากเดิม ดังนั้นในวันนี้ MyShop จึงขอรวบรวมเหล่าพฤติกรรมนั้นๆ มาให้พ่อค้าแม่ขายหรือผู้เริ่มทำธุรกิจได้เข้าใจแล้วนำมาปรับใช้เพื่อส่งเสริมยอดขายให้ดีขึ้นนั่นเอง
1. โซเชียลมีเดียคือที่สุด
ในยุคนี้ถือเป็นยุคที่โซเชียลมีเดียเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงอิทธิพลไม่แพ้กับสำนักข่าวใดๆ แถมหลายครั้งกระบอกเสียงที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ยังส่งผลต่อโลกออฟไลน์ ทำให้เหล่านักการตลาดใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการเพิ่มยอดขายมากขึ้น อีกทั้งช่องทางโซเชียลมีเดียยังมีการเก็บข้อมูลทางตัวเลขเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปคำนวณอีกด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นตัวเลือกหลักของหลายแบรนด์ นอกจากนี้ในปัจจุบันแนวคิดแบบ UGC (User Generate Content) ที่ผู้บริโภคจะเป็นผู้สร้างเนื้อหาทางโซเชียล ไม่ใช่แค่ตัวแบรนด์อีกต่อไป ดังนั้นร้านค้าหรือแบรนด์ก็สามารถหยิบคอนเทนต์เหล่านี้ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งวิธีการขายได้ เพราะเดี๋ยวนี้ผู้บริโภคนั้นเชื่อผู้บริโภคด้วยกันเองมากกว่าเหล่าอินฟลูเอนเซอร์เสียอีก
2. คุ้นเคยกับร้านค้าและโปรโมชันทางออนไลน์
เชื่อว่าร้านค้าออฟไลน์หลายร้านคงเห็นแล้วว่าช่องทางออนไลน์นั่นสามารถสร้างรายได้ด้วยเช่นกัน เป็นเพราะว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันนี้มีการปรับเปลี่ยนมากขึ้น เริ่มคุ้นเคยกับการซื้อของออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางเว็บไซต์ขายของออนไลน์หรือผ่านแอปพลิเคชัน นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบกับความคุ้มค่าทั้งด้านเวลาและเม็ดเงินแล้วนั้น บางครั้งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั่นคุ้มกว่า ไม่ต้องเสี่ยงออกไปข้างนอกเพื่อซื้อ ไม่มีค่ารถและค่าเดินทางอื่นๆ อีกทั้งยังมีโปรโมชันทางออนไลน์ประเภท Double Day ที่จะมอบส่วนลดหรือโปรโมชันต่างๆ ซึ่งสร้างพฤติกรรมว่าลูกค้าทุกคนก็จะรอซื้อของในช่วงเวลานั้นเท่านั้น แทนที่จะมีการซื้อในช่วงเวลาต่างๆ เหมือนในอดีต
3. พร้อมต่อการปรับเปลี่ยน
ต้องยอมรับเลยว่าสถานการณ์โควิดสร้างพฤติกรรมผู้บริโภค ยุค New Normal ที่ต้องพร้อมในการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เพราะความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ทำให้การวางแผนระยะยาวอาจไม่เหมาะสม กล่าวได้ง่ายๆ คือระยะเวลาแคมเปญหรือลงทุนอะไรที่ยาวนานเกิด 2-3 อาทิตย์อาจไม่ตอบโจทย์แล้ว เพราะนอกจากจะไม่ทันต่อสถานการณ์แล้วอาจเป็นเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอีกด้วย ดังนั้นร้านค้าและสินค้าของคุณจะต้องพร้อมต่อการปรับเปลี่ยน มีความยืดหยุ่นให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ลูกค้าก่อนใคร
4. ใส่ใจแคมเปญเพื่อโลกหรือสังคม
ผู้บริโภคไม่เพียงต้องการแค่สินค้าและบริการแล้วเท่านั้น เพราะทุกคนล้วนแต่คาดหวังให้แบรนด์หรือร้านค้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนต่อทรัพยากรโลกหรือสังคม ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นการรณรงค์ทางสังคมมากมาย อย่างการลดละเลิก Fast Fashion, การส่งเสริม LGBTQ, #SaveRalph หรือ Go Green ต่างๆ มากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคไม่ได้ต้องการให้ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆ สนใจเพียงฉาบฉวย แต่ต้องการให้แบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเหล่านั้นด้วย ซึ่งหากแบรนด์พร้อมที่จะช่วยเหลือ ผู้บริโภคก็พร้อมสนับสนุนแบรนด์เพื่อเป็นการตอบแทนเหมือนกัน ในทางกลับกันหากพบว่าแบรนด์เหล่านี้ไม่จริงใจก็พร้อมจะทำแคมเปญทางออนไลน์เพื่อบอยคอตแบรนด์เป็นการโต้กลับ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์เท่านั้น ยังส่งผลต่อยอดการซื้อขายของแบรนด์ด้วยเช่นกัน และหากในระยะยาวยังไม่สามารถกู้ชื่อเสียงได้ ก็อาจกระทบอย่างมากเลยด้วยนะครับ
5. สร้างแรงบันดาลใจ
ในสถานการณ์นี้ ถึงแม้จะมีความต้องการของมนุษย์จะมีความเปลี่ยนไป แต่เชื่อว่าหลายคนยังคงต้องการกำลังใจและแรงบันดาลใจไม่ต่างจากเดิม ดังนั้นร้านค้าหรือแบรนด์จำเป็นที่จะต้องสร้างกำลังใจ สร้างคุณค่า ความภูมิใจให้กับผู้บริโภคเชื่อว่าสินค้าของคุณจะเป็นส่วนหนึ่งหรือส่วนสำคัญในเส้นทางที่ผู้บริโภคจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่แค่การสร้างมูลค่าหรือชื่อเสียงให้กับแบรนด์เพียงเท่านั้น
ทั้ง 5 พฤติกรรมผู้บริโภค ยุค New Normal นี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่เลยสำหรับหลายๆ คน แต่เชื่อว่าเมื่อมองย้อนกลับไปหลายคนจะเห็นความแตกต่างมากขึ้นอย่างชัดเจนแน่นอน สุดท้ายนี้ก็ขอฝาก MyShop เครื่องมือช่วยขายของออนไลน์บน LINE เพื่อคู่คิดของเหล่าพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ เพราะมีฟีเจอร์และฟังก์ชันครบครันทั้งการออกออเดอร์ ติดตามสถานะออเดอร์ นับสต๊อก เพิ่มโน้ตให้กับสินค้า มีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย สามารถพิมพ์ใบปะหน้าซองได้เลย สมัครง่ายเพียงแค่มี LINE OA ครับ