3 ข้อผิดพลาดการทำคอนเทนต์ขายของ

3 ข้อผิดพลาดที่อาจทำให้คอนเทนต์ขายของออนไลน์ไม่ปังเท่าที่ควร

webclip.png
24 Sep 2022

เจาะลึก 3 ข้อผิดพลาดของการทำคอนเทนต์ขายของที่หลายคนมองข้าม

 

เคยไหม? ทดลองทำตามสูตรสำเร็จ Content Marketing มากมาย แต่ยอดขายก็ยังไม่ขึ้น แถมคอนเทนต์ขายของก็ยังแป๊กอีก หากแบรนด์ไหนกำลังเจอกับปัญหานี้อยู่ และต้องการพัฒนาแนวทางการทำคอนเทนต์ขายของออนไลน์ให้เพิ่มยอดขายได้จริง วันนี้เราจะขอพาเจ้าของธุรกิจและคนทำคอนเทนต์ทุกคนไปเจาะลึก พร้อมอุดช่องโหว่ให้ Content Marketing ของตัวเองผ่าน 3 ข้อผิดพลาดใหญ่ที่อาจทำให้คอนเทนต์ของแบรนด์ไปไม่ถึงฝั่ง หากใครอยากสร้างยอดขาย และปรับทิศทาง Content Marketing ให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น มาเช็กแต่ละข้อผิดพลาดไปพร้อมกันได้เลย

 

ข้อผิดพลาดที่ 1 : ทำคอนเทนต์ขายของตามกระแสมากเกินไป

จริงอยู่ว่าการทำคอนเทนต์ตามกระแส หรือ Real-Time Content หรือ Real-Time Marketing นั้นอาจสร้าง Impression และ Engagement ให้แบรนด์และธุรกิจของเราได้ในเวลาอันรวดเร็ว จนสามารถช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายในแต่ละครั้งได้

แต่อย่างไรก็ดี การทำคอนเทนต์ขายของออนไลน์ที่ตามกระแสมากเกินไปอาจทำให้เราหลงลืม Brand Identity ของตัวเองไปได้เช่นกัน เพราะลองคิดดูง่าย ๆ หากแบรนด์ของเราเน้นขายของที่จริงจัง ทำคอนเทนต์ขายของแบบเจาะกลุ่มเฉพาะ การทำคอนเทนต์ตามกระแสก็อาจทำให้แบรนด์ดูไม่มีจุดยืนของตัวเอง และดูฉาบฉวย ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าหลาย ๆ คนเมินหน้าหนี และเลิกอุดหนุนผลิตภัณฑ์จากธุรกิจของเราได้



ควรแก้อย่างไร?

จุดประสงค์ของการทำ Real-Time Content Marketing คือ การเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงแบรนด์ และเพื่อแสดงออกว่า แบรนด์ของเรานั้นทันต่อโลกและกระแสที่เกิดขึ้นทั้งหมด 

อย่างไรก็ดี คนทำคอนเทนต์จะต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้องและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์กับกระแสที่เกิดขึ้นด้วย เพราะหากฝืนทำคอนเทนต์ขายของให้เข้ากับกระแสมากเกินไป จุดยืนของแบรนด์ก็จะยิ่งไม่ชัดเจน ทำให้คอนเทนต์ที่ออกมา “ดูฝืน” และ “ยัดเยียด” ลูกค้ามากเกินไป

ที่สำคัญ หากแบรนด์ไม่ได้อิน หรือ มีส่วนร่วมกับ Movement ที่เป็นกระแสด้วยจริง ๆ แล้ว นอกจากจะยังไม่ฮาหรือได้ผลลัพธ์ตามต้องการแล้ว คอนเทนต์ที่ทำออกมายังก่อให้เกิดดราม่าตามมาด้วย

ดังนั้น หากแบรนด์ไหนอยากทำคอนเทนต์ขายของออนไลน์ที่ตามกระแสมาก ๆ อย่าลืมเช็กความเหมาะสม ความเกี่ยวข้อง และกลุ่มลูกค้าของตัวเองให้ดีก่อน และที่สำคัญ อย่าหลงเข้าไปอยู่ในกระแสมากเกินไป จนทำให้ลืม Brand Identity ของตัวเองด้วย

 

ข้อผิดพลาดที่ 2 : คอนเทนต์ขายของปัง แต่ดันไม่ทำต่อ

 

เคยเจอปัญหานี้ไหม? คอนเทนต์ที่ผลิตออกมาปังมาก ยอด Engagement ดี Impression ก็เริ่ด แถมยิงโฆษณาและได้ Conversion หรือยอดขายกลับมาหลายเท่าตัว แต่เมื่อได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว กลับอยู่เฉย ๆ เพราะเชื่อว่าลูกค้ารู้จักแบรนด์มากพอแล้ว และสุดท้ายก็จบที่ทำคอนเทนต์ขายของธรรมดา ๆ เน้นส่วนลดให้ลูกค้าซื้อมาก ๆ เข้าไว้แทน

ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจมุ่งเน้นที่ผลกำไรเป็นหลัก และการทำคอนเทนต์ที่เน้นขายของอย่างเดียวก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ขออย่าได้ลืมว่า ตลาดค้าขายออนไลน์นั้นเป็นโลกที่หมุนไวและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก 

ดังนั้น หากธุรกิจไม่รีบคว้าโอกาสที่ลูกค้ากำลังเริ่มรู้จักแบรนด์ ไม่นานลูกค้าก็จะรู้สึกไม่ต่อเนื่อง และเริ่มลืมแบรนด์ของเราไป เนื่องจากไม่มีความน่าสนใจ สุดท้าย ลูกค้าที่คาดว่าจะได้ก็หันไปเลือกซื้อสินค้าที่มีความใกล้เคียงในราคาที่ถูกกว่า หรือ สินค้าที่มีจุดยืนและน่าจดจำมากกว่า

 

ควรแก้อย่างไร?

 

  น้ำขึ้นให้รีบตัก! ไม่ว่าคอนเทนต์จะปังด้วย Real-Time Content หรือ Content Marketing แบบไหนก็ให้รีบสานต่อความปังให้ต่อเนื่อง โดยคนทำคอนเทนต์อาจเลือกวางแผนโปรโมทแบรนด์ของตัวเองควบคู่ไปกับกลยุทธ์การขายของ ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของเราต่อไป เข้าใจผลิตภัณฑ์ของเราว่าช่วยแก้ปัญหาใดในชีวิตบ้าง แถมยังค่อย ๆ สร้างยอดขายได้อีกด้วย 

ที่สำคัญ อย่าลืมเลือกช่วงเวลาในการโพสต์คอนเทนต์ขายของออนไลน์ให้ดี เพราะหากมองในมุม Content Marketing แล้ว เวลา คือ ปัจจัยที่ส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้และการมองเห็นโพสต์โดยตรง ซึ่งจะมีผลต่อการรู้จักแบรนด์และข้อมูลอื่น ๆ ของแบรนด์เราด้วย

นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้เลือกจำนวนโพสต์ในแต่ละเดือนให้เหมาะสม เพราะหากโพสต์ถี่เกินไปก็อาจสร้างความรำคาญได้ หรือถ้าโพสต์น้อยเกินไป หรือ โพสต์ขายของอย่างเดียวก็อาจทำให้ลูกค้าไม่รู้จักแบรนด์และรู้สึกแค่ว่า แบรนด์ของเราไม่ได้จริงใจและเน้นแต่จะขายของเท่านั้น

 

ทำคอนเทนต์ขายของออนไลน์อย่างไรให้ปัง

 

ข้อผิดพลาดที่ 3 : ไม่วางแผนการทำคอนเทนต์ให้เข้ากับแต่ละแพลตฟอร์ม

 

แพลตฟอร์มบนโลก Social Media นั้นมาพร้อมกับการนำเสนอคอนเทนต์ที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่เหมือนกัน 

ทว่าในหลาย ๆ ครั้ง แบรนด์จำนวนไม่น้อยเชื่อว่า การทำคอนเทนต์ขายของออนไลน์เพียง 1 ครั้งสามารถใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์ม ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นธุรกิจมากมายที่เลือกทำโฆษณาแบบเดียวกันทั้งหมด ยิงโฆษณาจากแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งเพื่อกระจายไปยังที่ต่าง ๆ 

ถึงแม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้บริหารจัดการงบประมาณได้ดี อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในกลุ่มลูกค้าและอาจสร้างยอดขายได้ แต่การทำคอนเทนต์ขายของในลักษณะนี้ต่อไปอาจทำให้แบรนด์สร้างยอดขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร แถมยังทำให้คนไม่รู้จักแบรนด์อีกด้วย

 

ควรแก้อย่างไร?

ไม่ว่าจะทำคอนเทนต์แบบไหน อย่าลืมศึกษาจุดเด่นของแต่ละแพลตฟอร์มที่จะนำคอนเทนต์ไปลงทุกครั้ง เพราะนอกจากจะช่วยจับจุดกลุ่มลูกค้าได้อย่างถูกต้องแล้ว คอนเทนต์ที่ทำจะดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น หากเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคอนเทนต์วิดีโอ แบรนด์ต้องมาพิจารณาถึงความยาวของคลิปและเนื้อหาที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม แต่หากต้องการเล่าเรื่องและนำเสนอแบรนด์ให้ลูกค้าอย่างชัดเจน การทำเว็บไซต์ หรือ มองหาแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เสนอขายและบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ได้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยทำให้ลูกค้ารู้จักเรามากขึ้น เป็นต้น

 

ที่สำคัญ หากต้องการสร้างยอดขาย อย่าลืมศึกษา Buyer’s Journey ของแต่ละแพลตฟอร์มให้ดี พร้อมลองทำ Buyer’s Journey ในฝั่งลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ เช่น ลองศึกษาความต้องการของลูกค้า จากนั้นออกแบบวิธีทำคอนเทนต์เพื่อเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็นลูกค้าที่คุ้นเคย เป็นต้น



เมื่อรู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมกลับไปเช็ก Content Marketing ของแบรนด์ตัวเองดูอีกครั้ง พร้อมแก้ไขจุดผิดพลาดเพื่อสร้างแบรนด์ที่แข็งแรงและยอดขายที่เป็นระบบในอนาคต และสำหรับแบรนด์ไหนที่ไม่อยากพลาดการอัปเดตคอนเทนต์ขายของออนไลน์และ Content Marketing แบบใหม่ที่ใช่สำหรับแบรนด์ สามารถติดตามเคล็ดลับดี ๆ ในการทำคอนเทนต์จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงได้ที่ LINE SHOPPING Seller

 

เปิดร้านขายบน LINE SHOPPING ได้แล้ววันนี้

ต่อยอดการขายด้วย MyShop เครื่องมือตัวช่วยจัดการร้านค้าจาก LINE

บทความที่เกี่ยวข้อง
my-shop-logo

ตัวช่วยการขายที่ทุกร้านค้าออนไลน์ต้องมี

MyShop Download on the App Store MyShop Get it on Google Play

© LINE Corporation 2021