แชร์เทคนิคโพสต์ขายของออนไลน์ ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด!

เนื่องจากในปัจจุบัน ธุรกิจ SME มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในตลาด ใคร ๆ ก็หันมาขายของออนไลน์ ทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ กันทั้งนั้น ทำให้กลุ่มคู่แข่งของคุณมีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนอกเหนือจากการแข่งขันในด้านคุณภาพสินค้าและกลยุทธ์ทางการตลาดแล้ว การสร้างกลยุทธ์ดึงดูด“กลุ่มลูกค้าใหม่” จึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่จะมีวิธีโพสต์ขายของแบบไหนบ้าง ที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น วันนี้เราได้รวบรวม 5 เคล็ดลับมาฝากกัน

รวม 5 เทคนิคการโพสต์ขายของให้ลูกค้าใหม่สนใจ

1. โพสต์เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการคุณให้ชัดเจน

ผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์หลายท่านอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดในการโพสต์ขายสินค้าหรือบริการต่าง ๆ มากนัก แต่ในความจริงแล้ว การโพสต์ข้อมูลรายละเอียดที่สำคัญอย่างครบถ้วนถือเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับข้อมูลของผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น ๆ จากคุณได้ เนื่องจากการซื้อของออนไลน์ การเขียนข้อความและรูปภาพถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถตัดสินใจซื้อภายในเวลาสั้น ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากร้านค้าของคุณไม่ได้โพสต์รายละเอียดข้อมูลสินค้า หรือราคาสินค้า ก็อาจจะทำให้ลูกค้ามองว่ายุ่งยาก ไม่สามารถเปรียบเทียบราคากับร้านค้าอื่น หรือตัดสินใจซื้อได้ทันที และมองว่าการทักแชตไปหาร้านค้าเป็นเรื่องที่อาจทำให้เสียเวลา จึงทำให้ร้านของคุณเสียโอกาสในการขายได้อีกด้วย ในขณะที่หากร้านของคุณมีข้อมูลที่ครบถ้วนแจ้งไว้ในโพสต์ ก็จะช่วยให้คุณสามารถปิดการขายได้เร็วขึ้นนั่นเอง

2. โพสต์ขายสินค้าหรือบริการด้วยการเขียน Hook สะดุดตา

ประโยคแรกมักจะดึงดูดคนอ่านก่อนเสมอ! ดังนั้นแล้ว เราขอแนะนำว่า ทุกครั้งที่คุณจะโพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือช่องทางออนไลน์ใดก็ตาม การนำเสนอสินค้าหรือบริการของคุณด้วยการเขียนคำโฆษณา (Copywriting) ที่น่าดึงดูดก็จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความสนใจที่จะอยากอ่านสิ่งที่คุณกำลังนำเสนอต่อ โดยคุณอาจจะใช้การเล่นคำให้เกิดสัมผัสคล้องจอง หรือเล่นกับเทรนด์ปัจจุบันต่าง ๆ ให้คนจดจำแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

3. โพสต์ขายสินค้าหรือบริการด้วยโปรโมชันจับคู่กับกระแส

นอกจากการจั่วหัวด้วยคำโฆษณาที่ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าแล้ว การทำคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ อย่างการนำเสนอโปรโมชันควบคู่กับการเล่นกระแสฮิตในปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคการโพสต์ขายของที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักและเป็นที่พูดถึงมากขึ้น นอกจากจะเป็นการสร้างตัวตนให้แบรนด์คุณแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้อีกด้วย

4. โพสต์ขายสินค้าหรือบริการด้วย Infographic เพิ่มความเข้าใจแบบง่าย ๆ

การโพสต์ขายสินค้าหรือบริการด้วย Infographic หรือการย่อยข้อมูลรายละเอียดสินค้าหรือบริการที่สำคัญในรูปแบบที่เข้าใจง่าย น่าสนใจ และน่าดึงดูด นอกจากจะทำให้โพสต์ขายของนั้นดูไม่เป็นการขายตรง (Hard Sell) จนเกินไปแล้ว ยังเป็นการให้ความรู้แก่ผู้อ่าน หรือผู้ที่สนใจ ทำให้พวกเขาได้เข้าใจสินค้าและบริการของคุณมากขึ้น และยังถือเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการขายได้เช่นกัน

5. โพสต์ขายสินค้าหรือบริการด้วยการเขียนรีวิวจากคนดังหรือผู้ใช้จริง

อีกหนึ่งวิธีโพสต์ขายของให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงสินค้าหรือบริการของคุณ หรือรู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น นั่นก็คือการโพสต์ขายสินค้าหรือบริการจากคนดัง อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้ใช้จริง ที่จะช่วยให้ข้อความการโฆษณาของคุณถูกกระจายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคนดังเหล่านี้ย่อมมียอดผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งหากคุณเลือกผู้ที่รีวิวได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายแล้ว แน่นอนว่าจะสามารถช่วยให้ยอด Engagement หรือจำนวนคนที่มากดไลก์ กดแชร์เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ การใช้วิธีโพสต์ขายของและรีวิวจากผู้ใช้จริงจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย เนื่องจากพวกเขาจะรู้สึกถึงคุณภาพของสินค้าหรือบริการจากร้านคุณจริง ๆ และยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นอีกด้วย

เพิ่มช่องทางการขายให้ปัง ควบคู่ไปกับเทคนิคการโพสต์ขายของ ผ่าน LINE SHOPPING

นอกจากเทคนิคการโพสต์ขายของที่ดึงดูดและน่าสนใจแล้ว การเพิ่มช่องทางการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน LINE SHOPPING จะช่วยให้ลูกค้าใหม่เข้าถึงร้านของคุณได้อย่างสะดวกสบาย ช่วยเพิ่มยอดขายให้คุณโดยไม่รู้ตัว! ด้วยช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ที่ตอบโจทย์ทุกธุรกิจอย่าง MyShop ตัวช่วยจัดการร้านค้าออนไลน์ จะช่วยให้คุณขายสินค้าได้ง่ายด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเช็กสต็อกสินค้า การเช็กออร์เดอร์ การชำระเงินได้หลายข่องทาง การจัดส่งที่สามารถติดตามได้ การสรุปยอดขาย ฯลฯ ตัวช่วยดี ๆ เหล่านี้พร้อมให้คุณใช้งานแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย แถมเพิ่มช่องทางที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นของร้านค้า ทำให้ลูกค้าใหม่ ๆ รู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้นด้วยนั่นเอง