- 7 วิธีเพิ่มยอดขาย สร้างกำไรให้เข้าเป้าแบบปังปุริเย่
ในทุกวันนี้ จะเข้าโซเชียลไหน แอปฯ อะไร หรือเว็บไซต์ใดๆ ก็ตาม จะเห็นได้ว่ามีการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการอยู่ตลอด แสดงให้เห็นว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยได้เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อ้างอิงจากสถิติจาก ETDA (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์) ระบุว่าอีคอมเมิร์ซไทย ในปี พ.ศ.2563 มีมูลค่าสูงถึง 3.78 ล้านล้านบาท การแข่งขันที่สูงขึ้นนี้ ทำให้พ่อค้าแม่ขายที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจต้องพยายามหาวิธีเพิ่มยอดขายและเร่งสร้างกำไรให้ปังๆ
วันนี้ LINE SHOPPING จะมาแบ่งปันวิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์ ที่จะช่วยให้เจ้าของกิจการทุกท่านขายของออนไลน์ได้แบบเลิศ ๆ ปัง ๆ ท่ามกลางแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซ
7 วิธีเพิ่มยอดขายยังไง ให้สร้างกำไรได้อย่างสุดปังในตลาดอีคอมเมิร์ซ
ในตลาดร้านค้าออนไลน์มีความหลากหลายของสินค้าและบริการสูงมาก ทำให้พ่อค้าแม่ขายแต่ละคน แต่ละธุรกิจ แต่ละร้านค้ามีกลยุทธ์ เทคนิค และวิธีการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกันออกไปในการเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าของตน ซึ่งหนึ่งในวิธีเพิ่มยอดขายที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ อาจเป็นกลยุทธ์ที่บางท่านใช้ในการเพิ่มยอดขายออนไลน์อยู่แล้วหรืออาจเป็นวิธีการใหม่ๆ สำหรับหลายท่าน จะมีเทคนิคสร้างยอดขายออนไลน์อะไรบ้างไปดูกันเลย
1. เทคนิคการ Upselling
เทคนิคการ Upselling อาจเป็นวิธีการที่พ่อค้าแม่ขายหลายท่านมักใช้งานอยู่แล้ว โดยอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือเทคนิค Upselling และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การ Upselling เป็นวิธีการที่ค่อนข้างได้ผลดีมากเลยทีเดียว เพราะ Upselling คือการเพิ่มยอดขายโดยการนำเสนอสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มูลค่าสูงกว่าสิ่งที่ลูกค้าสนใจจะซื้อในตอนแรก ทำได้โดยการอธิบายถึงข้อดีและประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับมากกว่าหากซื้อสินค้าที่แนะนำให้ แทนการซื้อสินค้าตัวก่อนหน้านี้ อาจมีการให้ของแถมหรือคะแนนสะสมพิเศษก็ทำได้เช่นกัน เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า แถมร้านค้ายังได้กำไรเพิ่มอีกด้วย
อีกตัวอย่างของการ Upselling คือ การเสนอให้ลูกค้าซื้อสินค้าที่จัดเซต หรือโปรโมชันไว้ที่มีราคามากกว่าสิ่งที่ลูกค้าสนใจซื้อเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ได้สินค้าที่เพิ่มขึ้นในด้านปริมาณหรือคุณภาพ เช่น ลูกค้าสนใจรองพื้นชิ้นหนึ่งในราคา 690 บาท ผู้ขายอาจเสนอให้ลูกค้า “เพิ่มเงินอีกนิดหน่อย” เพื่อซื้อเซตเครื่องสำอางที่ครบครันมากกว่าในราคา 1,190 บาท ซึ่งธุรกิจจะได้กำไรจากการขายในครั้งนี้มากกว่าถึง 500 บาท เป็นต้น
2. กลยุทธ์ Cross-Selling
กลยุทธ์ที่มักใช้คู่กับการ Upselling ที่กล่าวไปข้างต้น คือการ Cross-Selling ซึ่งหมายถึงการนำเสนอสินค้าหรือบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าสนใจ กลยุทธ์ Cross-Selling ถือเป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจและเป็นโอกาสให้แนะนำสินค้าหรือบริการที่มีแนวโน้มว่าลูกค้าจะให้ความสนใจเพิ่มเติมเข้าไป
ยกตัวอย่างการ Cross-Selling เช่น ในร้านค้าไอที หากลูกค้าสนใจซื้อคีย์บอร์ด ผู้ขายอาจแนะนำเมาส์ไร้สายหรือแกตเจ็ตสำหรับคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ตามไปด้วย ถึงแม้ลูกค้าจะไม่ซื้อ ก็จะเป็นการสร้างการรับรู้ให้ลูกค้า (Awareness) ว่าร้านค้าของคุณมีสินค้าอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีก ซึ่งลูกค้าอาจกลับมาซื้อใหม่อีกครั้ง
3. การแลกซื้อแบบต่างๆ
การแลกซื้อเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ส่งเสริมการเพิ่มยอดขาย เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่ชื่นชอบการแลกซื้อ เพื่อให้ได้สินค้าในราคาที่ถูกกว่าปกติ อาทิเช่น
- บัตรสะสมแต้มหรือระบบคะแนน ที่กระตุ้นให้ลูกค้าของคุณมีความอยากซื้อมากขึ้นด้วยระบบสะสมคะแนนแลกซื้อหรือแลกส่วนลดต่าง ๆ เช่น LINE POINT สำหรับสะสมแต้มเป็นส่วนลดร้านค้าบน LINE SHOPPING สามารถสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างดี
- การสะสมยอดซื้อ เป็นวิธีเพิ่มยอดขายที่เหมาะกับสินค้าที่มีราคาสูง อย่างเช่น ให้ลูกค้าสะสมยอดซื้อแต่ละครั้ง เพื่อใช้เป็นส่วนลดให้การซื้อสินค้าในครั้งต่อๆ ไป อาจจะกำหนดเป็นส่วนลดแบบขั้นบันได อย่างเช่น ครั้งนี้ซื้อครบ 1,000 บาทซื้อครั้งถัดไปลด 5% เป็นต้น
- การชิงโชค ต้องยอมรับว่าคนไทยชื่นชอบการเสี่ยงโชคและลุ้นรางวัล ดังนั้นวิธีการเพิ่มยอดขายของออนไลน์แบบชิงโชคนั้น จึงเป็นวิธีสร้างเพิ่มยอดขายให้ร้านได้อย่างสุดปังและทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้าแน่นอน ตัวอย่างเช่น เราอาจจะจัดโปรโมชันซื้อสินค้าครบ 5,000 บาท ลุ้นรับรางวัลใหญ่
4. เพิ่มตัวเลือกสินค้าหรือบริการ
การเพิ่มจำนวนสินค้าหรือตัวเลือกในการเข้ารับบริการอาจเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่จะคุ้มค่าถ้าหากธุรกิจต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ซึ่งสามารถเพิ่มยอดขายในอนาคตได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามการเพิ่ม Product Line (สายผลิตภัณฑ์) ต้องทำการศึกษาตลาด ความต้องการ และความสนใจของลูกค้าเดิม และตลาดใหม่ให้รอบคอบเสียก่อน ไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงต่อการขาดทุนได้ง่าย ๆ ครับ
5. ประชาสัมพันธ์กลุ่มลูกค้าใกล้เคียง
กลุ่มลูกค้าเดิมที่มีธุรกิจอยู่แล้ว อาจเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าเป็นประจำ แต่ไม่สามารถเพิ่มยอดขายไปมากกว่าที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นการหาลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความสนใจใกล้เคียงกันกับกลุ่มเดิมจะเข้ามาดันยอดขายได้ครับ ในกรณีนี้หลายท่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ Lookalike/Similar Audience Targeting หรือการนำฐานข้อมูลลูกค้าที่มีมาต่อยอด ใช้ข้อมูลเพื่อยิงโฆษณา (สามารถทำได้ทั้งบน Facebook และ Google) ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ที่มีความสนใจในสินค้าและแบรนด์ที่ใกล้เคียงกับธุรกิจของคุณ ให้เกิดการรับรู้และความสนใจในแบรนด์ของคุณมากขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มใหม่ที่สนใจในธุรกิจคล้ายคุณอยู่แล้ว เป็นการสร้างโอกาสให้ลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาซื้อสินค้า เป็นวิธีเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นนั่นเองครับ
6. กระตุ้นการขายผ่าน Word of Mouth
การตลาดแบบ Word of Mouth (WOM) หรือการบอกต่อแบบปากต่อปาก เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อธุรกิจและแบรนด์ได้เป็นอย่างดีที่สุด เพราะเป็นการประชาสัมพันธ์แบบ Organic หรือไม่มีการจ้างโฆษณา แต่เป็นการพูดบอกความรู้สึกจากลูกค้าจริง ๆ โดยอาจเป็นการรีวิวสินค้าบนแพลตฟอร์ม การบอกต่อตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ หรือแม้แต่การพูดคุยกันระหว่างเพื่อน ๆ และครอบครัว ซึ่งสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้าและแบรนด์ของคุณได้อย่างดี และจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายให้ร้าน ทั้งทางออนไลน์และช่องทางอื่นๆ ให้มากขึ้นตามไปด้วย ร้านค้าสามารถกระตุ้นให้เกิด WOM ได้โดยการจำหน่ายสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหลักเลยทีเดียว และยังสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านระบบ CRM (Customer Relationship Management) ได้ และข้อสุดท้ายคือการช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างตรงจุดมากที่สุด ตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า เมื่อเวลาผ่านไปจะมีการพูดคุยเกิดขึ้นและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก สร้างฐานลูกค้าและยอดขายได้มากขึ้นนั่นเองร้านค้าสามารถกระตุ้นให้เกิด WOM ได้โดยการจำหน่ายสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหลักเลยทีเดียว และยังสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านระบบ CRM (Customer Relationship Management) ได้ และข้อสุดท้ายคือการช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างตรงจุดมากที่สุด ตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า เมื่อเวลาผ่านไปจะมีการพูดคุยเกิดขึ้นและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก สร้างฐานลูกค้าและยอดขายได้มากขึ้นนั่นเอง
7. ขยายช่องทางการขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์
อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก ผู้คนหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันเป็นหลัก ส่งผลให้การจำหน่ายสินค้าเพียงช่องทางเดียวไม่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้อีกต่อไป พ่อค้าแม่ขายควรขยายช่องทางการขายไปยังแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าและยอดขายนั่นเอง ซึ่งนอกจากช่องทางโซเชียลอย่าง Facebook, Instagram, หรือ TikTok แล้ว พ่อค้าแม่ขายสามารถสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์โดยอาจเริ่มจากเว็บขายของฟรี เป็นต้น
นอกจากนี้แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ยังเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขาย เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว เช่น LINE SHOPPING ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานรายเดือนมากถึง 7 ล้านคนหรือก็คือมีโอกาสที่กิจการจะเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากฟีเจอร์ต่างๆ ของแพลตฟอร์มนั้นๆ ด้วย
สำหรับ 7 วิธีเพิ่มยอดขายที่ได้แนะนำไปในบทความนี้เป็นกลยุทธ์เบื้องต้นที่พ่อค้าแม่ขายและผู้ทำธุรกิจออนไลน์สามารถนำไปปรับใช้กับร้านค้าออนไลน์ของตัวเองได้ เพื่อสร้างยอดขายออนไลน์และหน้าร้าน เพิ่มกำไรและประสิทธิภาพการขายสินค้าในระยะยาวให้แก่ธุรกิจของคุณครับ
สุดท้ายนี้ สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาช่องทางการขายเพิ่มเติม ขอแนะนำให้เข้ามาใช้งาน LINE SHOPPING ที่มาพร้อมกับเครื่องมือช่วยบริหารร้านค้าแบบครบวงจรอย่าง “MyShop” ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างเช่น ระบบนับสต็อกสินค้าแบบ Real Time ตัดสินค้าตามเวลาจริง, ระบบ Flex Message ที่คอยตอบรับคำสั่งซื้อลูกค้าแบบอัตโนมัติ, มี Storefront สร้างเว็บขายของออนไลน์ฟรีเป็นของตัวเอง สามารถนำเว็บขายของฟรีนี้ไปแชร์ยังโซเชียลมีเดียต่างๆ เพิ่มช่องทางในการขาย สามารถติดตามสถานะออเดอร์ตั้งแต่ต้นจนจบ และรองรับการชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะโอนเงิน จ่ายผ่านบัตรเครดิต เก็บเงินปลายทาง หรือจ่ายผ่าน Rabbit LINE Pay โดยไม่ต้องสลับแอปฯ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์แบบไหนก็เริ่มทำธุรกิจและเพิ่มยอดขายออนไลน์บนแพลตฟอร์ม LINE SHOPPING ได้ง่ายๆ
เพียงมี LINE OA สามารถเปิดบัญชี MyShop ได้ฟรี ที่ lineshoppingseller.com