บทเรียนตัวอย่าง จากคนมีหน้าร้านสู่แม่ค้าออนไลน์มือใหม่

เมื่อยุคสมัยพัฒนา เปลี่ยนแปลงจนทำให้การขายของออฟไลน์ไม่เพียงพอต่อรายได้และความต้องการของลูกค้าอีกต่อไป ธุรกิจขนาดใหญ่ยังต้องปรับตัว นับประสาอะไรกับผู้ค้ารายย่อยที่ต้องหันมาหาหนทางเพื่อทำธุรกิจให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค และถึงแม้จะเจาะเป้าหมายทำราคาให้ประหยัด ก็ยังไม่ตรงจุด เพราะของถูกไม่ใช่ทุกอย่างของคำตอบที่ช่วยให้ปิดยอดขายได้อีกต่อไป 

ในขณะเดียวกันธุรกิจขาใหญ่ที่เคยเป็นรายย่อยกลับมีความสามารถถีบตัวเองก้าวผ่านวิกฤตกลับมายืนได้อีกครั้ง บทความนี้จะมาลองถอดบทเรียนธุรกิจ กับเส้นทางการเปลี่ยนผ่านของหน้าร้านออฟไลน์สู่การเป็นแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ตัวจริง

 

ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน ออฟไลน์ตายได้ถ้าไม่ปรับตัว

ก่อนที่ธุรกิจร้านค้าออนไลน์จะบูม พ่อค้าแม่ขายต่างมีจุดเริ่มต้นมาจากการหาหน้าร้านเพื่อเปิดช่องทางการขาย ไม่ว่าจะเป็นแผงลอย หรือการเช่าห้องในอาคารที่เปิดเป็นตลาดสำหรับขายสินค้าประเภทนั้น ๆ ก็ตาม เรียกได้ว่ายุคนั้นอะไรก็รุ่งเรือง ใครมีหน้าร้านสำหรับค้าขายก็การันตียอดขายได้ทั้งนั้น แต่ไม่ใช่กับยุคนี้ที่ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนไปด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลัก แถมยังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบให้เจ้าของธุรกิจหลาย ๆ คนต่างล้มกันไม่เป็นท่า เพราะนอกจากจะตามไม่ทันแล้ว ยังไม่ยอมปรับตัวกันอีกด้วย 

 

ความแตกต่างระหว่างธุรกิจออฟไลน์ VS ธุรกิจออนไลน์

• ธุรกิจออฟไลน์

 

อธิบายได้ง่าย ๆ กับสิ่งที่ทุกคนคุ้นหูคุ้นตาเช่นการเปิดหน้าร้านสำหรับค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นที่ตลาด อาคารพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านสะดวกซื้อ เหล่านี้ถูกเหมารวมเป็นธุรกิจออฟไลน์ด้วยกันทั้งสิ้น โดยรูปแบบการขายจะเป็นการโชว์ให้เห็นสินค้าจริง ๆ สามารถพูดตอบโต้กันได้แบบ Face to Face และไม่มีการใช้เครื่องมือสื่อสารเป็นสื่อกลางในการซื้อ-ขาย

• ธุรกิจออนไลน์

 

สำหรับใครที่กำลังจะผันตัวไปเปิดร้านขายของออนไลน์ แถมยังเป็นมือใหม่กับลักษณะการทำธุรกิจแบบนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าธุรกิจออนไลน์นั้น คือลักษณะของการวางขายสินค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกออนไลน์ โดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางช่วยสื่อสารระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ 

 

ซึ่งความได้เปรียบของลักษณะการขายแบบนี้ คือความหลากหลายของแพลตฟอร์มในการวางขายสินค้า สำคัญที่สุดคือต้นทุนที่แทบจะไม่ต้องเสียอะไรเพื่อการเปิดร้านแม้แต่น้อย แถมยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า หากคุณเป็นแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่รู้จักบริหาร และใช้กลยุทธ์การขายที่ถูกวิธี

 

เตรียมตัวอย่างไรถ้าจะเปลี่ยนมาบุกตลาดออนไลน์

• ศึกษาช่องทางการขาย เลือกให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า

 

ถึงแม้ความหลากหลายของแพลตฟอร์มการขายของจะเป็นจุดแข็งที่ดี แต่ก็เป็นหลุมกับดักบ่อใหญ่ที่แม่ค้าออนไลน์มือใหม่หลายคนพลาด เพราะเลือกวางขายสินค้าผิดแพลตฟอร์ม แถมยังไม่เข้ากับสินค้าของตัวเอง จากที่จะขยายเพดานยอดขายก็กลายเป็นแป็กเสียอย่างนั้น

 

ซึ่งการเริ่มต้นที่ดีควรจะต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเราเข้าใจกลุ่มลูกค้าของตัวเองดีจริงหรือไม่ อาจจะเป็นการรวบรวมข้อมูลเชิงลึก พฤติกรรมการซื้อขาย สินค้าที่ขายดี เพื่อสังเกตถึงความชอบ และความน่าจะเป็นเกี่ยวกับการเลือกซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของลูกค้าเรา 

 

เมื่อเข้าใจลูกค้ามากขึ้นแล้ว สิ่งถัดมาคือการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม โดยปัจจุบันช่องทางการค้าขายมีอยู่มากมาย และสามารถแบ่งได้ง่าย ๆ เป็น 3 ประเภทดังนี้

 

• e-Marketplace : ช่องทางออนไลน์ยอดนิยมที่ใช้งานง่าย วางขายสะดวก แถมยังตอบโจทย์นักช็อปอย่างแท้จริง เหมาะสำหรับแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่ไม่มีเวลาบริหารงานหลังร้านมากพอ ยกตัวอย่างเช่น Shopee และ Lazada 
• Social Commerce : สะดวกสบายสำหรับคนรุ่นใหม่ ลงง่าย ไร้ค่าใช้จ่าย อาทิ Facebook, IG และ LINE ที่ปัจจุบันได้เปิดแพลตฟอร์มใหม่เพื่อส่งเสริมการขายของออนไลน์อย่าง LINE SHOPPING ตัวช่วยตอบสนองการเปิดร้านขายของออนไลน์ที่มือใหม่ต้องการ
• บริหารเวลา อย่าให้ลูกค้ารอนาน

 

เพราะสิ่งที่ลูกค้าออนไลน์ต้องการมากที่สุดคือความรวดเร็ว แต่ถ้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่อย่างเราไม่สามารถบริหารเวลา หาช่องว่างมาตอบลูกค้า แถมยังปล่อยให้รอนาน โอกาสที่จะได้ยอดขายก็อาจจะหลุดลอยไป แต่ไม่เป็นไร เพราะปัจจุบันช่องทางการขายได้ถูกพัฒนาจนมีฟีเจอร์มากมายที่ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว

 

โดยเฉพาะ MyShop บริการหน้าร้านออนไลน์จาก LINE SHOPPING ที่มีฟีเจอร์และเครื่องมือทันสมัย ตัวช่วยบริหารออร์เดอร์ของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพเพียงใช้งานควบคู่กับ LINE OA ไม่ว่าจะเป็น Greeting Massage ข้อความอัตโนมัติช่วยแนะนำร้านและสินค้า, Rich Menu ทำหน้าที่แทนแอดมินแบรนด์ รวบรวมทุกความต้องการให้ลูกค้ากดเลือกเข้าใช้งานได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมี Chat Commerce สำหรับช่วยออกออร์เดอร์ให้ลูกค้าได้ง่าย ๆ ผ่านแชต พร้อมสรุปยอดสินค้า ง่าย สะดวก รวดเร็ว เท่านี้ก็ไม่ต้องให้ลูกค้ารอนานอีกต่อไป

• ช่องทางการชำระเงิน ต้องให้ลูกค้าสะดวกที่สุด

 

จัดเตรียมช่องทางการชำระที่หลากหลาย เพื่อความสะดวกของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินปลายทาง, ช่องทางการโอนผ่าน e-Banking, การชำระสินค้าผ่านบัตรเครดิต/เดบิต, จ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือแม้แต่บัญชีออนไลน์แบบต่าง ๆ เช่น PayPal, Rabbit LINE pay และ mPay เท่านี้ก็จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบาย ใช้จ่ายง่าย ๆ คล่องมือ พร้อมปิดจ็อบสรุปยอดขายได้เลย

 

การปรับตัวด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายทางการตลาด

 

 

• Direct-to-consumer (DTC) 

 

กลยุทธ์ที่พ่อค้าแม่ขายออฟไลน์ต้องศึกษา เพื่อการเปลี่ยนผ่านมาเปิดร้านขายของออนไลน์ เป็นมือใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการตลาดแบบ Direct-To-Consumer (DTC) ที่เน้นขายสินค้าปลีกผ่านช่องทางการขายของตัวเองที่มีพร้อมทุกระบบการจัดการสินค้า ตั้งแต่การรวบรวม จัดส่ง ตลอดจนการชำระแบบครบครัน แถมยังทำให้เราได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยตรง เมื่อไม่ผ่านตัวกลาง เราก็จะสามารถรับรู้ถึง Consumer Insight ได้อย่างเข้าใจ และนำไปพัฒนาต่อยอดได้อย่างเห็นผล

• Omnichannel

 

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ดีสำหรับแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ ให้การขยายธุรกิจออฟไลน์มาสู่ออนไลน์กลายเป็นเรื่องง่ายอย่างแท้จริง ด้วยการทำ Omnichanel ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการสั่งซื้อได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาใช้บริการที่หน้าร้าน หรือแม้แต่การกดสั่งผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีสินค้าครบครัน ถือเป็นตัวเลือกที่ช่วยปลดล็อกธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว

เริ่มบุกตลาดแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ เปลี่ยนเส้นทางการขายแม้เป็นร้านค้าขนาดเล็ก ด้วย LINE SHOPPING แพลตฟอร์มฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ให้เจ้าของธุรกิจรายใหญ่ รายย่อย ตลอดจนร้านค้าเล็ก ๆ ได้เข้าถึงการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตอบโจทย์ทุกการบริหารร้านค้าและการตลาดได้แบบตรงจุด เริ่มต้นเลยวันนี้!