- Word-of-Mouth ขายของยังไงให้ปังด้วยพลังแห่งการบอกต่อ

ไม่รู้จะขายของยังไงให้ปัง WOM พลังแห่งการบอกต่อคือคำตอบ!
เคยสงสัยกันไหมว่าจะขายของยังไงให้ปัง เมื่อเราเป็นแค่ร้านค้าออนไลน์เล็ก ๆ ยิ่งเป็นร้านที่เปิดใหม่เป้าหมายในการขายยิ่งห่างไกลจากที่หวัง ที่จริงแล้วกลยุทธ์ทางการตลาดเองก็มีอยู่มากมาย แต่หนึ่งในวิธีที่หลายร้านใช้อยู่บ่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว คือการทำกิจกรรมทางการตลาดจนเกิดผลลัพธ์ที่นำเข้าสู่กระบวนการ Word-of-Mouth เรามาลองดูดีกว่าว่าสิ่งนี้คืออะไร
อะไรคือ Word-of-Mouth การบอกต่ออันทรงพลัง
การตลาดที่คนไทยนิยม และทำกันมาอย่างยาวนาน คือการใช้พลังทางคำพูด ส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ เพราะคำพูดสามารถสื่อสาร ทั้งยังกระจายข่าวออกเป็นวงกว้างภายในระยะไม่นาน จึงทำให้กลายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ซึ่งวิธีการแบบนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Word-of-Mouth (WOM) ที่เป็นวิธีการบอกต่อแบบปากต่อปาก เป็นการสื่อสารที่เกิดจากความรู้สึกทางบวกส่งต่อไปยังบุคคลอื่น ถ้าพูดกันในเชิงการตลาดก็ต้องบอกเลยว่าวิธีการนี้นับว่ามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากกว่าการใช้โฆษณาที่ลงทุนสูง เนื่องจากเป็นการบอกกล่าวประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานจริง เมื่อเกิดความรู้สึกประทับใจ จึงไม่แปลกที่จะมีการบอกต่อไปยังคนสนิท คนใกล้ตัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วิธีดังกล่าวถูกพัฒนามาเป็นกระบวนการทางการตลาดที่มีหลักการเข้ามาช่วย ทำให้พลังของคำพูดส่งอิทธิพลต่อการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามการใช้กลยุทธ์แบบ Word-of-Mouth หรือปากต่อปาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุมให้มีแต่เรื่องเล่าเชิงบวก เพราะบางครั้งลูกค้าอาจเจอประสบการณ์ใช้งานที่ไม่น่าประทับใจ ก็อาจทำให้เกิดการบอกต่อเชิงลบขึ้นมา ซึ่งในส่วนนี้ทำให้เกิดโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ
กลยุทธ์ที่ทำให้เกิด Word-of-Mouth
Word-of-Mouth ไม่ได้เกิดขึ้นแค่จากนักการตลาดเป็นคนวางแผน แต่ต้องประกอบไปด้วยกลยุทธ์มากมายที่ทำให้เกิดกระแสการบอกต่อในวงกว้าง โดยมีองค์ประกอบสำคัญเหล่านี้
- คุณภาพของสินค้าและบริการ
องค์ประกอบหลักที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้บริโภค เมื่อเกิดความรู้สึกดี สัมผัสได้กับประสบการณ์ใช้งานที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย และคุ้มค่า ลูกค้าก็จะเกิดการบอกต่อกันโดยธรรมชาติ ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่เสมอ
- สร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า
กลยุทธ์การทำ CRM คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการรักษาฐานลูกค้าเดิมให้จงรักภักดีกับแบรนด์ จนเกิดการซื้อซ้ำ เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดลูกค้าประจำจากความดีงามของธุรกิจ โดยไม่เปลี่ยนใจไปหาคู่แข่งในตลาดเดียวกัน
เทคนิคตีกระแสแบรนด์ ขายของยังไงให้ปังด้วยการบอกต่อ
- ติดต่อง่ายด้วยช่องทางโซเชียลมีเดีย
จากผลสำรวจพบว่าคนไทยในปัจจุบันใช้เวลาบนโลกออนไลน์กว่า 9 ชั่วโมง ทำให้การค้นพบร้านค้าออนไลน์ที่ถูกใจกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าที่เคย จากผลสำรวจนี้จะทำให้เห็นได้ว่าหนึ่งในวิธีสร้างความประทับใจให้แก่คนที่จะมองหาสินค้าและบริการที่ถูกใจ คือช่องทางการติดต่อสื่อสาร ความหลากหลายต้องมี รองรับด้วยแพลตฟอร์มที่พร้อมให้กลุ่มลูกค้าเข้าถึงได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ การสร้าง Interaction ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่ม Engagement เปิดโลกภาพจำใหม่ ๆ ให้แก่คนที่ยังไม่เคยเข้าถึงแบรนด์ได้รู้จัก จนกลายเป็นไวรัล ซึ่งกระแสนิยมเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดการบอกปากต่อปากได้เช่นเดียวกัน นับว่าเป็นเทคนิคการตีกระแสขายของยังไงให้ปังที่น่าสนใจ และควรทำไม่น้อย
- Tester สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้โชคดี
อย่างที่กล่าวไปในหัวข้อ “กลยุทธ์ที่ทำให้เกิด Word-of-Mouth” จะเห็นได้ว่าคุณภาพของสินค้าและบริการเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการบอกต่อในเชิงบวก แต่ถ้าลูกค้าไม่เคยได้ใช้จะทำให้เกิดการแนะนำไปยังคนใกล้ชิดของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร?
เทคนิคการเสิร์ฟสินค้า (Tester) ให้แก่ลูกค้าที่เป็นผู้โชคดี หรือใช้วิธีอื่น ๆ เพื่อควบคุมจำนวนคนให้เหมาะสมกับทุนในการแจกจ่ายของฟรีให้ลองใช้บริการ โดยส่วนมากวิธีนี้จะนิยมใช้โปรโมทสินค้าตัวใหม่กับฐานลูกค้าเดิมที่เคยมี เพื่อให้มั่นใจว่าจะเกิดการบอกต่อ ซึ่งมาจาก Brand Loyalty ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน และเมื่อความรู้สึกดีที่มีเป็นทุนเดิม ผสมผสานกับความประทับใจจากการได้สินค้าทดลองที่มีคุณภาพดี จะยิ่งทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย
- ให้ค่าคอมมิชชั่นด้วยการทำ Affiliate Network
อีกหนึ่งเทคนิคตีกระแสแบรนด์ให้เกิดการบอกต่อ พร้อมเสริมความมั่นใจว่าจะมีคนช่วยรีวิว สร้างกระแสได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือการทำ Affiliate Network หรือการแนบลิงก์ที่แนะนำ ผูกการจ่ายคอมมิชชั่นตามยอดการกดสั่งซื้อ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือแรงจูงใจชั้นดี เรียกได้ว่า win-win ทั้งสองฝ่าย
การทำ Affiliate Network อาจมีความคล้ายคลึงกับการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่เราคุ้นเคย แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว เพราะการใช้เทคนิคนี้จะเป็นวิธีติดต่อให้ลูกค้า หรืออินฟลูเอนเซอร์ทั้งแบบ Micre, Macro หรืออินฟลูฯ ตัวท็อปให้มารีวิวผ่านการทำคอนเทนต์อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวสั้น ๆ ผ่านทวิตเตอร์พร้อมยิงแอด หรือเขียนบทความแนะนำ ทั้งหมดนี้จะมีการแปะลิงก์เพื่อนำไปสู่การซื้อขายที่หน้าเว็บไซต์ร้านค้าของเรา แน่นอนว่าวิธีนี้เป็นการลงทุนที่ใช้เงินก้อน แต่ไม่ใช่เงินก้อนที่สูญเปล่าอย่างแน่นอน เพราะทุกครั้งที่เริ่มจ่าย คือทุกครั้งที่เกิดการซื้อขายจริงผ่านลิงก์ Affiliate นั่นเอง
เรียนรู้การตลาดแบบ Word-of-Mouth พร้อมเทคนิคการตีกระแสขายของยังไงให้ปังที่ทำได้ง่าย เห็นผลได้จริงกันไปแล้ว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เห็นผล เมื่อคุณเป็นร้านค้าที่ยังไม่มีหน้าร้านบนแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับใช้ค้าขายอย่างจริงจัง สามารถเริ่มต้นได้ที่ LINE SHOPPING หนึ่งในช่องทางขายของยังไงให้ปังด้วยการสร้างความประทับใจจนอยากบอกต่อ ผ่านแพลตฟอร์มร้านค้าที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องมือทำการตลาดที่ครบครัน สื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมให้คุณสนทนากับลูกค้าได้ทั้งแบบเรียลไทม์และอัตโนมัติ เป็นตัวช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้อย่างแน่นอน