ชวนรู้จัก "การตลาดเพื่อสังคม" ความรับผิดชอบของแบรนด์ต่อส่วนรวม

webclip.png
25 Mar 2022

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงมากมายในตอนนี้ พฤติกรรม ความสนใจ และเทคโนโลยีล้วนพัฒนาขึ้น หากมองในมุมการตลาด จะเห็นได้ว่ามีแนวคิดและกลยุทธ์ต่างๆ เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อเพิ่มยอดขาย รวมถึงแข่งขันกับธุรกิจอื่นๆ ในตลาด

ปัจจุบันได้เกิดแนวคิด “การตลาดเพื่อสังคม” หรือ Social Marketing ที่กำลังเป็นที่สนใจของธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ LINE SHOPPING จึงขอพาพ่อค้าแม่ขายมารู้จักกับแนวทางการตลาดชนิดนี้ ว่าคืออะไร? แล้วช่วยธุรกิจของเราได้อย่างไร? มาดูพร้อมกันเลยครับ! 

 

การตลาดเพื่อสังคม คืออะไร?

การตลาดเพื่อสังคม หรือ Social Marketing คือแนวคิดที่จะใช้การตลาดเข้าไปจูงใจให้ผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อมอบประโยชน์ต่อตัวผู้บริโภคหรือสังคม และไม่เน้นการขายสินค้าหรือบริการ ซึ่งต่างการกลยุทธ์การตลาดแบบอื่นที่มักจะเน้นการสร้างกำไรหรือเพิ่มยอดขายนั่นเอง

ผู้ที่ริเริ่มแนวคิดการตลาดเพื่อสังคมนี้ คือ Philip Kotler (ฟิลิป คอตเลอร์) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีผลงานชื่อดังอย่างหนังสือ “Marketing Management” และหนังสือ “Hand-on Social Marketing” ที่ได้มีการพูดถึงการตลาดเพื่อสังคมอย่างชัดเจน

สรุปแล้ว การตลาดเพื่อสังคมนั้นเป็นแนวคิดใหม่ที่เกิดขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวผู้บริโภคให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น สสส. ที่สร้างแคมเปญ “ลดพุง ลดโรค” ที่มีการให้ความรู้ รณรงค์ ให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้น เป็นต้น

 

การตลาดเพื่อสังคมมีประโยชน์อย่างไร?

“ในเมื่อเป็นกลยุทธ์การตลาดช่วยเหลือสังคม แล้วธุรกิจจะได้อะไร?” เชื่อว่าหลายคนคงคิดแบบนี้อยู่ใช่ไหมครับ ต้องบอกว่า Social Marketing นั้นเป็นการที่ธุรกิจแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (คล้ายๆ CSR) หรือทำเพื่อให้สังคมดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ในระยะยาว ผ่านการเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น 

เมื่อผู้คนมีมุมมองต่อแบรนด์ (Brand Perception) ในแง่บวกมากขึ้น ในอนาคตก็จะสามารถขายสินค้าและบริการได้มากกว่า มีฐานลูกค้ามากขึ้น และกระตุ้นให้ธุรกิจเติบโตได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงไว้ว่าการเพิ่มยอดขายไม่ใช่เป้าหมายหลักของการทำ Social Marketing นะครับ

 

Social Marketing กับ Societal Marketing ต่างกันไหม?

หลายคนที่กำลังเริ่มทำธุรกิจหรือศึกษาด้านการตลาดอยู่ คงเคยได้ยินเกี่ยวกับ Social Marketing และ Societal Marketing แล้ว แต่สำหรับคนขายของออนไลน์มือใหม่ อาจจะยังสับสนระหว่างแนวคิดการตลาดทั้งสองแบบนี้อยู่ 

โดย Societal Marketing นั้นหมายถึง การตลาดที่มีกิจกรรมหรือเนื้อหาที่มีการนำเรื่องทางสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อให้ประโยชน์ต่อสังคม เช่น ธุรกิจอาจจะนำประเด็นทางสังคมมาเป็นประโยชน์ในการทำการตลาดนั้นๆ สมมติว่ามีโฆษณาขององค์กรที่พยายามจะนำเอาการอนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และผืนป่า มาใช้ในการเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์หรือกระตุ้นการขายผลิตภัณฑ์โดยตรง ต่างจาก Social Marketing ที่ออกแบบกิจกรรมหรือแคมเปญการตลาดเพื่อให้ประโยชน์ตกไปถึงสังคม

ทำการตลาดเพื่อสังคม สร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนได้อย่างไร?

ในการทำการตลาดเพื่อสังคมให้ยั่งยืนและเป็นผลดีต่อแบรนด์ในอนาคต ขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ครับ

1. ทำความเข้าใจปัญหา   

สิ่งสำคัญอันดับแรกที่แบรนด์ควรทำคือการวิเคราะห์ว่าผู้คนในสังคมกำลังเจอกับปัญหาอะไร ธุรกิจสามารถทำอะไรเพื่อแก้หรือบรรเทาปัญหาเหล่านั้นผ่านผู้บริโภคได้บ้าง 

2. กำหนดกลยุทธ์

ขั้นตอนการกำหนดกลยุทธ์ เช่น หากต้องการสร้างแคมเปญ คอนเทนต์  (Content) สักอย่างหนึ่ง ก็ควรทำเอกลักษณ์ การสื่อสาร การนำเสนอที่ชัดเจน และเป็นที่เข้าใจของสังคม ซึ่งหากกำหนดกลยุทธ์ออกมาได้ดี ขั้นตอนต่อๆ ไปจะง่ายขึ้นไปด้วย

3. การวางแผน

ธุรกิจควรวิเคราะห์ว่าทำอย่างไรจึงจะครอบคลุมในทุกด้าน ทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการนำเสนอ และลงในช่องทางไหนจึงจะเหมาะสม ถึงแม้ว่าการนำคอนเทนต์มาเผยแพร่ในหลายแพลตฟอร์มจะดูครอบคลุม แต่ควรวิเคราะห์ว่าพื้นที่ไหนที่ได้รับผลตอบรับที่เหมาะสม เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรงตามที่กำหนด ควรให้ความสำคัญพื้นที่นั้นเป็นอันดับแรก เพราะหากสื่อสารผิดกลุ่มเป้าหมาย ก็อาจเกิดกระแสโต้กลับจากสังคมได้เช่นกัน

4. ประเมินผลและเรียนรู้เพิ่มเติม

สุดท้ายเมื่อได้ทำแคมเปญการตลาดเพื่อสังคมแล้ว ธุรกิจต้องกลับมาประเมินผลตอบรับที่ได้และวิเคราะห์ข้อบกพร่อง เพื่อแก้ไขแคมเปญหน้าให้ดีขึ้นกว่าเก่า รวมไปถึงการหาข้อมูลใหม่ๆ ที่จะทำให้พัฒนาขึ้นไปอีก และที่สำคัญคือต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ผู้บริโภคจึงจะเกิดความเชื่อใจและมีมุมมองต่อแบรนด์ที่เปลี่ยนไป

 

จบไปแล้วกับแนวคิดการตลาดเพื่อสังคมหรือ Social Marketing ที่เชื่อว่าใครที่กำลังเริ่มทำธุรกิจ ที่อยากให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีและได้ช่วยเหลือสังคม ต้องสนใจอย่างแน่นอน ซึ่งก็สามารถนำไปปรับใช้กับกิจการของตัวเองได้เลย 

นอกจากนี้ สำหรับพ่อค้าแม่ขายที่ต้องการสร้างยอดขายและกำไรผ่านการช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น ต้องหันมาลองใช้ตัวช่วยอย่าง แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ LINE SHOPPING  ที่มาพร้อมกับเครื่องมือช่วยบริหารร้านค้าแบบครบวงจรอย่าง “MyShop” ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเช่น ระบบนับสต็อกสินค้าแบบ Real Time ตัดสินค้าตามเวลาจริง, ระบบ Flex Message ที่คอยตอบรับคำสั่งซื้อลูกค้าแบบอัตโนมัติ, มี Storefront สร้างเว็บขายของออนไลน์ฟรีเป็นของตัวเอง สามารถนำเว็บขายของฟรีนี้ไปแชร์ยังโซเชียลมีเดียต่างๆ เพิ่มช่องทางในการขาย สามารถติดตามสถานะออเดอร์ตั้งแต่ต้นจนจบ และรองรับการชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะโอนเงิน จ่ายผ่านบัตรเครดิต เก็บเงินปลายทาง หรือจ่ายผ่าน Rabbit LINE Pay โดยไม่ต้องสลับแอปฯ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์แบบไหนก็เริ่มทำธุรกิจและเพิ่มยอดขายบนแพลตฟอร์ม LINE SHOPPING ได้ง่ายๆ

เพียงมี LINE OA สามารถเปิดบัญชี MyShop ได้ฟรี ที่ lineshoppingseller.com

เปิดร้านขายบน LINE SHOPPING ได้แล้ววันนี้

ต่อยอดการขายด้วย MyShop เครื่องมือตัวช่วยจัดการร้านค้าจาก LINE

บทความที่เกี่ยวข้อง
my-shop-logo

ตัวช่วยการขายที่ทุกร้านค้าออนไลน์ต้องมี

MyShop Download on the App Store MyShop Get it on Google Play

© LY Corporation 2023