ต้องเริ่มแล้ว! ทำการตลาดแบบเน้นคุณค่า สร้างความแตกต่างให้แบรนด์โดดเด่น

webclip.png
14 Jan 2022

สำหรับใครที่กำลังเริ่มทำธุรกิจคงทราบดีว่า การสร้างโมเดลธุรกิจและแบรนด์คือสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ใช่ไหมครับ และอีกหนึ่งสิ่งที่ธุรกิจขาดไปไม่ได้คือลูกค้า ซึ่งในยุคนี้ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากและรวดเร็วกว่าเดิม การสร้างเรื่องราวและคุณค่าของแบรนด์จึงเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะตอบโจทย์ลูกค้าในปัจจุบันได้

LINE SHOPPING จะพามารู้จักกับ “การตลาดแบบเน้นคุณค่า” เพื่อให้พ่อค้าแม่ขายสามารถสร้างเรื่องราวอันแตกต่างให้ธุรกิจขายของออนไลน์โดดเด่นกว่าคู่แข่งครับ

รู้จักกลยุทธ์การเพิ่มคุณค่าให้แบรนด์

หากพูดถึงเรื่องคุณค่า ในแง่การตลาดนั้นคือ Value Proposition หรือ คุณค่าของแบรนด์ที่มีให้กับลูกค้า จุดแข็ง อะไรที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ หรือเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่มีที่ไหน ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ “จุดขาย” ของร้านนั่นเองครับ ซึ่งแต่ละธุรกิจนั้นต่างกัน จึงต้องลองวิเคราะห์และสืบค้นกันว่าคุณค่าของแบรนด์นั้นอยู่ตรงไหน 

อีกทั้ง Value Proposition ยังเป็นการตลาดแบบเน้นคุณค่าที่ใช้เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง สร้างความมั่นใจ และจุดเด่นที่แก้ปัญหาให้ลูกค้า เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีสินค้าและบริการมากมายที่คล้ายๆ กันออกมาสู่ท้องตลาด จนบางทีลูกค้าก็แยกไม่ออก ผนวกกับตัวเลือกที่มีจำนวนมาก กลยุทธ์การเพิ่มคุณค่าจึงจะต้องสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าหรือ Cutomer Segment ด้วยครับ 

การสร้าง Value Proposition ที่มีประสิทธิภาพ

มาถึงขั้นตอนของการเริ่มต้นทำการตลาดแบบเน้นคุณค่า เหมือนกับการสร้างธุรกิจ การตลาดประเภทนี้ก็มีโมเดลที่เป็นที่นิยมเช่นกัน ซึ่งคือ “Value Proposition Canvas” ที่จะช่วยให้ออกแบบสินค้าและบริการของแบรนด์ได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักที่ต้องวิเคราะห์ ดังนี้

1. Customer Profile (ฝั่งลูกค้า) – ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ซึ่งมี 3 ส่วนย่อยคือ

  • Customer Jobs (งานที่ต้องทำ) – ความต้องการพื้นฐานของลูกค้ามีอะไรบ้าง ลูกค้าต้องการจะทำอะไร
  • Gains (ความพึงพอใจ) – เป็นส่วนขยายจาก Customer Jobs คือลูกค้าคาดหวังหรือต้องการอะไรจากสินค้าและบริการของเรา รวมถึงความต้องการเพิ่มเติมที่ถ้าหากมีแล้วลูกค้าจะยิ่งประทับใจในสินค้าและบริการ
  • Pains (ปัญหา) – ลูกค้าไม่ชอบอะไรและมีอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง สิ่งเหล่านั้นอาจเกิดจากสินค้าและบริการของเราเองหรือของคู่แข่งทางธุรกิจก็ได้ 

2. Value Map (แผนผังคุณค่า) – การออกแบบสินค้าและบริการให้มีคุณค่าต่อลูกค้า สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วนย่อย ได้แก่

  • Products and Services (สินค้าและบริการ) – คุณค่าที่มีอยู่ในตัวสินค้าที่จะต้องตอบโจทย์ในส่วนของ Customer Jobs (ความต้องการของลูกค้า) เป็นการสรุปว่าสินค้าและบริการจะต้องมีอะไรบ้าง คุณสมบัติเป็นอย่างไร มีจุดแข็งอะไรที่เหนือกว่าคู่แข่ง
  • Gains Creator (สร้างความพึงพอใจ) – สิ่งที่ตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้า และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าจากการใช้สินค้าและบริการ ในส่วนนี้จะต้องตอบโจทย์ในส่วนของ Gains นั่นเอง
  • Pain Relievers (ช่วยแก้ปัญหา) – สินค้าหรือบริการที่มีสามารถลบล้างหรือแก้ไขปัญหาหรือสิ่งที่ลูกค้าไม่พึงพอใจ โดยส่วนนี้ต้องตอบโจทย์ส่วนของ Pains และที่สำคัญคือต้องสามารถแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ข้อดีของการมีกลยุทธ์การตลาดแบบเน้นคุณค่า

การตลาดแบบเน้นคุณค่านั้นมีข้อดีมากมาย ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น

1. มีจุดขายที่ชัดเจน

หากเจ้าของธุรกิจไม่รู้ว่าสินค้าสามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ก็ยากที่จะปิดการขายครับ เพราะอย่างนั้นการวาง Value Proposition ที่ดีจะช่วยให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุด กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นด้วย

2. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าจริงๆ

สมมุติว่าร้านขายของออนไลน์ไม่ได้เน้นขายอะไรเป็นพิเศษหรือไม่มีจุดเด่น ก็อาจจะพบเจอกับลูกค้าที่ มาๆ ไปๆ ได้ง่าย ไม่เกิด Brand Loyalty และมีลูกค้าไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายเข้ามา เป็นต้น ซึ่งการสร้างเอกลักษณ์จากกลยุทธ์การตลาดแบบเน้นคุณค่า จะช่วย “กรอง” ลูกค้าเบื้องต้นได้นั่นเอง

3. สร้างความแตกต่างที่คู่แข่งเลียนแบบไม่ได้

การจะอยู่รอดท่ามกลางตลาดที่แข่งขันสูงนี้คือ “ความแตกต่าง” ซึ่งผู้เริ่มทำธุรกิจก็สามารถทำได้ง่ายผ่าน Value Proposition และแม้จะไม่ใช่ความแตกต่างจากคู่แข่งโดยสิ้นเชิง แต่อาจเป็นการนำเสนอในรูปแบบหรือมุมมองใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจเราแตกต่างอย่างมีคุณค่านั่นเองครับ

การตลาดแบบเน้นคุณค่าเป็นทั้งกลยุทธ์และเครื่องมือ ที่ช่วยให้แบรนด์ได้สร้างคุณค่าที่แตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นจุดขาย การเข้าถึงลูกค้า หรือช่วยเพิ่มยอดขายก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจเติบโตขึ้นได้ถูกทิศทางอีกด้วย

สำหรับพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ มีอีกหนึ่งตัวช่วยให้ธุรกิจตอบโจทย์ลูกค้ายุคปัจจุบันได้ง่ายขึ้น คือ LINE SHOPPING ที่มาพร้อมกับเครื่องมือช่วยบริหารร้านค้าแบบครบวงจรอย่าง “MyShop” ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเช่น ระบบนับสต็อกสินค้าแบบ Real Time ตัดสินค้าตามเวลาจริง, ระบบ Flex Message ที่คอยตอบรับคำสั่งซื้อลูกค้าแบบอัตโนมัติ, มี Storefront สร้างเว็บขายของออนไลน์ฟรีเป็นของตัวเอง สามารถนำเว็บขายของฟรีนี้ไปแชร์ยังโซเชียลมีเดียต่างๆ เพิ่มช่องทางในการขาย สามารถติดตามสถานะออเดอร์ตั้งแต่ต้นจนจบ และรองรับการชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะโอนเงิน จ่ายผ่านบัตรเครดิต เก็บเงินปลายทาง หรือจ่ายผ่าน Rabbit LINE Pay โดยไม่ต้องสลับแอปฯ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์แบบไหนก็เริ่มทำธุรกิจและเพิ่มยอดขายบนแพลตฟอร์ม LINE SHOPPING ได้ง่ายๆ

เพียงมี LINE OA สามารถเปิดบัญชี MyShop ได้ฟรี ที่ lineshoppingseller.com

เปิดร้านขายบน LINE SHOPPING ได้แล้ววันนี้

ต่อยอดการขายด้วย MyShop เครื่องมือตัวช่วยจัดการร้านค้าจาก LINE

บทความที่เกี่ยวข้อง
my-shop-logo

ตัวช่วยการขายที่ทุกร้านค้าออนไลน์ต้องมี

MyShop Download on the App Store MyShop Get it on Google Play

© LINE Corporation 2021