- บอกต่อ 5 เคล็ดลับการจัดโปรโมชันสินค้า ไม่ต้องลดราคาก็ขายได้!
บอกต่อ 5 เคล็ดลับการจัดโปรโมชันสินค้า ไม่ต้องลดราคาก็ขายได้!
5 เคล็ดลับทำโปรโมชันดึงดูดลูกค้า ไม่ลดราคาก็มียอดขาย
“โปรโมชันดึงดูดลูกค้า” เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์คลาสสิกที่ธุรกิจจำนวนไม่น้อยต่างเลือกใช้เพื่อสร้างฐานลูกค้าในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงการจัดโปรโมชันสินค้าแล้ว เจ้าของธุรกิจหลายคนอาจมองว่า “การลดราคา” เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำให้ลูกค้ามาสนใจและซื้อสินค้าในร้านได้ แต่ในความเป็นจริงนั้น การจัดโปรโมชันสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอาจไม่จำเป็นต้องลดราคาเพื่อสร้างความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้าเสมอไป แต่จะทำอย่างไรถึงจะสร้างโปรโมชันดี ๆ ให้ลูกค้าสนใจได้ ลองมาทำตาม 5 เคล็ดลับที่นำมาฝากในวันนี้ดู
1. ระบบสะสมแต้มเพื่อแลกรับของรางวัล
การจัดทำระบบสะสมแต้มทั้งแบบตราแสตมป์ธรรมดาไปจนถึงระบบ CRM เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์จัดโปรโมชันดึงดูดลูกค้าที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นกิจกรรมสนุก ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในร้านแล้ว หากร้านของเรามีสินค้าที่มีคุณภาพร่วมด้วย การวางเงื่อนไขระบบสะสมแต้มที่เหมาะสมก็จะยิ่งกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าเพิ่มเติมเพื่อเก็บแต้มอีกด้วย
โดยในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีผลสำรวจออกมายืนยันว่า ลูกค้าส่วนใหญ่มักนิยมใช้บริการร้านที่มีระบบสะสมแต้มมากกว่าการจัดโปรโมชันสินค้าลดราคาแบบครั้งคราว เนื่องจากลูกค้าสามารถนำแต้มที่สะสมไว้มาใช้ประโยชน์ได้ ทำให้กลับมาใช้บริการร้านที่มีระบบสะสมแต้มเป็นประจำเพื่อนำแต้มไปแลกของรางวัล หรือ ส่วนลดพิเศษได้นั่นเอง
หากใครยังไม่รู้จะเริ่มวางเงื่อนไขระบบสะสมแต้มอย่างไรให้กระตุ้นยอดขายได้ บอกเลยว่า นอกจากจะหมั่นพัฒนาและรักษาคุณภาพสินค้าให้ดีอย่างต่อเนื่องแล้ว ทางร้านค้าอาจมีการกำหนดราคาการซื้อสินค้าขั้นต่ำเพื่อเป็นการสะสมแต้ม เช่น
- หากซื้อสินค้าขั้นต่ำ 100 บาทก็จะได้รับ 1 แต้ม และเมื่อครบ 5 แต้มก็ได้แลกรับสินค้า 1 ชิ้น
- หากซื้อสินค้าครบ 200 บาทก็จะได้รับสินค้าใหม่ในร้าน และส่วนลด 20% ในการซื้อครั้งที่ 5
2. สร้างความเชื่อมั่นด้วยนโยบาย “รับคืนสินค้า”
การจัดโปรโมชันสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องปรับใช้ในเวลาที่เหมาะสม เพราะการจัดโปรโมชันในบางโอกาสก็อาจทำให้ลูกค้าเข้าใจว่า ทางร้านกำลังระบายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพในราคาถูก
ดังนั้น เพื่อลดปัญหาและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ธุรกิจอาจทำโปรโมชันดึงดูดลูกค้าโดยการสร้างนโยบาย “รับคืนสินค้า” หรือ “ยินดีคืนเงิน” เสริมเข้าไปเพื่อช่วยให้ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจว่าจะได้รับของดีในราคาที่คุ้มค่า
โดยทางร้านอาจมีการกำหนดเงื่อนไขในการรับคืนสินค้าในช่วงโปรโมชัน เช่น หากสินค้าชำรุดและมีหลักฐานยืนยันก็สามารถส่งคืนสินค้าเพื่อรับเงินคืนได้ หรือหากตรวจสอบและพบเจอสินค้าไม่มีคุณภาพเหมือนสินค้าที่วางขายในช่วงปกติก็จะทำการคืนเงินทันที
โดยการวางเงื่อนไขโปรโมชันเช่นนี้จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความจริงใจกับธุรกิจ และเลือกใช้สินค้า พร้อมสร้างยอดขายให้แก่ธุรกิจต่อได้ นอกจากนี้ ธุรกิจยังสามารถต่อยอดเงื่อนไขรับคืนสินค้าและคืนเงินนี้ไปสู่การซื้อขายในช่วงปกติเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ธุรกิจได้อีกด้วย
3. อย่าเพิ่งซื้อ 1 แถม 1! ลอง Upsell ดูก่อน
“ซื้อ 1 แถม 1” ถือเป็นอีกหนึ่งโปรโมชันเปิดร้านใหม่และโปรโมชันทั่วไปที่ธุรกิจหลากหลายแห่งชอบใช้อยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะสร้างยอดขายได้ในหลาย ๆ ครั้ง แต่การตั้งโปรโมชันลดแลกแจกแถมเช่นนี้ก็อาจทำให้ธุรกิจเสียต้นทุนสะสมได้โดยไม่รู้ตัว
เมื่อรู้เช่นนี้แล้วและกำลังสงสัยว่า ถ้าไม่ใช้โปรโมชัน 1 แถม 1 แล้วจะไปใช้โปรโมชันเพิ่มยอดขายแบบไหนแทน เราขอแนะนำให้ลองพิจารณาเทคนิคการตลาดสุดคลาสสิกอย่าง Upselling ไปด้วยอีกหนึ่งทาง โดยการ Upselling คือ เทคนิคการขายเพื่อจูงใจลูกค้าให้จ่ายเงินมากขึ้นโดยแลกกับความคุ้มค่าที่เห็นได้ชัดเจน
หากนึกภาพไม่ออกล่ะก็ ลองนึกถึงเวลาไปซื้อ KFC หรือเข้าร้านสะดวกซื้ออย่าง 7 Eleven พนักงานส่วนใหญ่มักมีการเสนอขายสินค้าเพิ่มเติมในราคาที่คุ้มค่ากว่าการซื้อแยก เช่น หากเพิ่มขนาดเฟรนซ์ฟรายด์จะจ่ายเพิ่มแค่ 20 บาท แต่หากซื้อเป็นเฟรนซ์ฟรายด์แยกอาจจะต้องจ่ายในราคาที่มากกว่า 20 บาท เป็นต้น ซึ่งการจัดโปรโมชันสินค้าเช่นนี้จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าและเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายได้โดยไม่ต้องลดราคา หรือ จัดโปรโมชัน 1 แถม 1 จนทำให้เสียต้นทุนนั่นเอง
4. “ส่งฟรี” ก็เป็นโปรโมชันดึงดูดลูกค้าได้
โปรโมชันส่งฟรี หรือการซื้อสินค้ารวมราคาส่ง ถือเป็นอีกหนึ่งการจัดโปรโมชันที่ได้รับความนิยมและสามารถสร้างยอดขายได้จริง
หากไม่เชื่อล่ะก็ ลองถามตัวเองง่าย ๆ ว่า หากร้าน A ขายสินค้าชนิดเดียวกับร้าน B แต่ร้าน A สามารถรวมราคาส่งเข้าไปในราคาสินค้าและจำหน่ายออกในราคาเท่ากับร้าน B ที่มีการแยกค่าส่ง แน่นอนว่าหลาย ๆ คนก็อาจเลือกซื้อสินค้าจากร้าน A มากกว่าร้าน B หากทางร้าน A ยังสามารถรักษามาตรฐานสินค้าและบริการได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี การทำโปรโมชันส่งฟรีให้มีประสิทธิภาพยังต้องคำนวณราคาต้นทุนให้เหมาะสมเช่นกัน โดยเจ้าของธุรกิจสามารถพิจารณาต้นทุนได้จาก 4 ปัจจัยหลัก ซึ่งจะประกอบไปด้วย
- ระยะทางใกล้ และไกลที่สุดจากจุดส่ง
- ขนาดของพัสดุ
- น้ำหนักของพัสดุ รวมสินค้าจำนวนน้อยและมากที่สุดที่เกิดขึ้นในการส่งสินค้า 1 ครั้ง
- ความไวในการจัดส่ง
5. แคมเปญชิงโชคใช้ได้เสมอ!
หลายคนอาจมองว่า แคมเปญชิงโชคเป็นการตลาดรุ่นเก่าที่อาจไม่เหมาะสำหรับการตลาดดิจิทัล แต่แท้ที่จริงแล้ว การชิงโชคยังเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่สามารถช่วยธุรกิจสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องอยู่ ซึ่งในปัจจุบันนี้ บรรดาแบรนด์น้อยใหญ่ต่างก็ยังคงเลือกใช้การส่งชิงโชคเพื่อกระตุ้นยอดขายอยู่เป็นประจำ
โดยหลักการทำแคมเปญชิงโชคง่าย ๆ คือ การเลือกมองหาของรางวัลที่กำลังเป็นที่ต้องการในช่วงเวลานั้น มีราคาสูง และมีปริมาณที่จำกัด เช่น ในสมัยก่อนเครื่องดื่มชาเขียวทั้งโออิชิและอิชิตันมีการแจกทองคำในสมัยที่ทองคำยังขึ้นราคา หรือมีการแจกรถยนต์ Mercedes-Benz เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ยังต้องการลุยการจัดโปรโมชันสินค้าแบบชิงโชคอยู่ก็สามารถเลือกสินค้าชิงโชคในร้านที่มีราคาสูง หรืออาจเลือกเป็นบัตรแทนเงินสดเพื่อกระตุ้นการซื้อได้เช่นเดียวกัน
จบลงไปแล้วกับ 5 เทคนิคทำโปรโมชันดึงดูดลูกค้าที่เจ้าของธุรกิจสามารถนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มยอดขายได้ อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จต้องเริ่มต้นที่การลงมือทำทั้งสิ้น ดังนั้น หากมีสินค้าที่คิดว่าใช่และตรงใจกับความต้องการในตลาดแล้ว อย่าลืมนำกลยุทธ์จัดโปรโมชันที่นำมาฝากนี้ปรับใช้ใน LINE SHOPPING เพื่อสร้างฐานลูกค้าบนโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยนะ