- พุ่งหาลูกค้าด้วย Aggressive Marketing กลยุทธ์การตลาดสุดสำคัญของธุรกิจทุกยุค!

พุ่งหาลูกค้าด้วย Aggressive Marketing กลยุทธ์การตลาดสุดสำคัญของธุรกิจทุกยุค!
เมื่อมีสินค้าพร้อมแล้วแต่จะเรียกลูกค้าให้เข้าร้านยังไง? คงเป็นความสงสัยของผู้ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจหลายคน ซึ่งคำตอบของปัญหานี้ก็คือ “การตลาด” สำหรับธุรกิจหรือแบรนด์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะขายของออนไลน์หรือเปิดหน้าร้าน กลยุทธ์การตลาดสุดสำคัญคือ “การตลาดเชิงรุก” หรือ “Aggressive Marketing” ที่เป็นแนวทางการเข้าหาลูกค้าที่ห้ามมองข้าม
บทความนี้ จะพาท่านมาทำความรู้จัก Aggressive Marketing การตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าโซเชียลกันครับ
Aggressive Marketing คืออะไร?
Aggressive Marketing คือการทำการตลาดเชิงรุกที่เน้นการ “เข้าหา” กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มผู้บริโภคที่อาจเป็นลูกค้าได้ (Potential Customer) โดยส่วนมากอาจมีจุดประสงค์หลักเป็นการเพิ่มยอดขายหรือสร้างการรับรู้แบรนด์ แต่ในบางครั้งก็อาจเป็นการนำตลาดเข้าไปหาลูกค้าอย่างมุทะลุหรือจะเรียกว่าเป็นการตลาดแบบแข็งขันเลยทีเดียว
ย้อนกลับไปในช่วงยุค 80s - 90s การขายของเชิงรุกนั้นเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทต่างๆ นิยมใช้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการ Telesale, Direct sales, การยื่นใบปลิว, ออกบูธทดลองใช้งานสินค้า, แจกบัตรกำนัลในงานกิจกรรม หรือแม้กระทั่งการออกไปติดต่อลูกค้าตามบ้านเรือนต่างๆ เพื่อโน้มน้าวให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งอาจไม่สามารถพบเห็นได้แล้วในปัจจุบันนี้
ตัวอย่าง Aggressive Marketing ในโลกออนไลน์
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าด้วยพฤติกรรมลูกค้าที่เน้นใช้สื่อออนไลน์มากขึ้นหรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้การตลาดเชิงรุกในทุกวันนี้เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน Aggressive Marketing อาจไม่ได้แข็งขันเหมือนแต่ก่อน ที่สำคัญคือมีความ Proactive มากขึ้น โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติ และวางแผนเพื่อนำมาใช้กับการตลาดในอนาคต พิชิตใจลูกค้าให้ได้ก่อนคู่แข่ง และส่งผลให้มีกลยุทธ์รูปแบบใหม่เกิดขึ้น อย่าง “การตลาดเชิงรุกออนไลน์” นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น
- การยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียล อาทิ Facebook Ads, Instagram Ads, LINE Ads Platform เป็นต้น เพื่อโปรโมทสินค้าและแบรนด์ให้กับผู้ใช้งานสื่อเหล่านี้
- Email Marketing หรือการโฆษณาผ่านอีเมล หนึ่งในช่องทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมาก
- โฆษณาบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นแบนเนอร์โฆษณา (Banner Ads), Pop-Up Ads หรือวิดีโอโฆษณาบน YouTube ที่เห็นได้บ่อยๆ
ตั้งแต่การตลาดมีการดำเนินงานแบบ Real-Time, Data Driven และเน้นผลลัพธ์มากยิ่งขึ้น การทำการตลาดเชิงรุกออนไลน์ จึงกลายเป็นกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่าท่านอาจเคยได้เห็นจากธุรกิจต่างๆ หรือแม้แต่ร้านค้าโซเชียลบางส่วนก็เริ่มหันมาทำการตลาดประเภทนี้มากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ
ข้อดีการทำ Aggressive Marketing
จากที่กล่าวไปข้างต้น ท่านอาจสงสัยอยู่ว่าทำไมร้านขายของออนไลน์รายย่อยถึงเริ่มหันมาทำการตลาดมากขึ้น เหตุผลหลักเป็นเพราะจำนวนคู่แข่งที่มากขึ้นและแข่งขันกันอย่างดุเดือดยิ่งกว่าเดิม ซึ่ง Aggressive Marketing จะมีข้อดีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
-
กระตุ้นการตอบสนองได้ทันที
จุดเด่นแรกของ Aggressive Marketing คือความสามารถในการกระตุ้นการตอบสนองของลูกค้า ได้อย่างทันท่วงที เช่น หากลูกค้ากำลังมองหาสกินแคร์ตัวใหม่ เหมือนได้เห็นโฆษณาสกินแคร์ผ่าน Facebook ก็มีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อทันทีหรือหากมีการแนะนำโปรโมชันอย่าง การ “ซื้อ 2 แถม 1 ภายในสัปดาห์นี้เท่านั้น” สามารถโน้มน้าวให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เช่นกันครับ
-
เพิ่มระดับ Brand Awareness
การได้ยิงโฆษณา ได้ยื่นข้อเสนอหรือโปรโมชันเป็นประจำ จะเป็นการช่วยสร้างการจดจำหรือ Brand Awareness ได้ดี เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายนั้นได้เห็นหรือได้ยินบ่อยจนสามารถจำได้นั่นเอง โดยเฉพาะเมื่อโฆษณาดังกล่าวมีจุดเด่น อาทิ Jingles หรือเพลงสั้น สโลแกนที่เป็นคำพูดติดหู รับรองว่าลูกค้าจะนึกถึงแบรนด์ไปเป็นเดือนๆ แน่นอน
-
เพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าเมื่อผู้บริโภคเริ่มรู้จักแบรนด์และสินค้ามากขึ้น อีกทั้งยังได้มีโอกาสเห็นโฆษณาบ่อยๆ ยอดขายก็จะตามมาติดๆ อย่างแน่นอน และหากต้องการเพิ่มคุณค่าให้กับตัวแบรนด์ ท่านก็สามารถทำ Content Marketing ควบคู่ไปด้วย สร้างเรื่องราวต่างๆ ก็จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้คือเบื้องต้นของการตลาดเชิงรุกหรือ Aggressive Marketing นั่นเอง เชื่อว่าพ่อค้าแม่ขายหรือเจ้าของธุรกิจอาจเคยทำหนึ่งในการตลาดประเภทนี้มาก่อนแล้ว ส่วนท่านที่ยังไม่เคยทำมาก่อน ก็สามารถนำกลยุทธ์การตลาดเหล่านี้ไปปรับใช้กับธุรกิจขายของออนไลน์ของตัวเองได้ครับ
นอกจากจะต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงลูกค้าได้ดีแล้ว ต้องมีแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ดำเนินธุรกิจร้านค้าโซเชียลได้สะดวกกว่าเดิมอย่าง LINE SHOPPING ที่มาพร้อมกับเครื่องมือช่วยบริหารร้านค้าแบบครบวงจรอย่าง “MyShop” ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเช่น ระบบนับสต็อกสินค้าแบบ Real Time ตัดสินค้าตามเวลาจริง, ระบบ Flex Message ที่คอยตอบรับคำสั่งซื้อลูกค้าแบบอัตโนมัติ, มี Storefront สร้างเว็บขายของออนไลน์ฟรีเป็นของตัวเอง สามารถนำเว็บขายของฟรีนี้ไปแชร์ยังโซเชียลมีเดียต่างๆ เพิ่มช่องทางในการขาย สามารถติดตามสถานะออเดอร์ตั้งแต่ต้นจนจบ และรองรับการชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะโอนเงิน จ่ายผ่านบัตรเครดิต เก็บเงินปลายทาง หรือจ่ายผ่าน Rabbit LINE Pay โดยไม่ต้องสลับแอปฯ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์แบบไหนก็เริ่มทำธุรกิจและเพิ่มยอดขายบนแพลตฟอร์ม LINE SHOPPING ได้ง่ายๆ
เพียงมี LINE OA สามารถเปิดบัญชี MyShop ได้ฟรี ที่ lineshoppingseller.com