ทันคู่แข่งแน่นอน! เปิดเทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565

webclip.png
01 Dec 2021

สำหรับผู้วางแผนคิดเริ่มทำธุรกิจ หนึ่งในช่องทางที่พลาดไม่ได้คือ “อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce)” โดยเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยี เห็นได้จากสถิติจาก ETDA ที่ระบุว่ามูลค่าอีคอมเมิร์ซไทย ปี 63 อยู่ที่ 3.78 ล้านล้านบาทและภายในปี 2564 นี้ อาจพุ่งสูงไปถึง 4.01 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมี E-Commerce Trend เกิดขึ้นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565 นี้ก็เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มีเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาและได้รับกระแสเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

บทความนี้ LINE SHOPPING จะมาแนะนำเทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565 ให้พ่อค้าแม่ขายได้รู้จัก ตามเทรนด์ให้ทันคู่แข่ง!

เทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565

เทรนด์อีคอมเมิร์ซในปี พ.ศ. 2565 นี้จะเป็นอย่างไร ธุรกิจขายของออนไลน์จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง แล้วกระแสเหล่านี้จะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายในร้านค้าอีคอมเมิร์ซได้อย่างไร? มาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยครับ

1. การแข่งขันการเป็นซูเปอร์แอป (Super App)

ปัจจุบันการเป็นแพลตฟอร์มที่รวมบริการทุกอย่างไว้ในที่เดียวนั้นเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น Super App หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Everyday App คือแอปพลิเคชันที่ครอบคลุมแทบทุกบริการ หรือก็คือมีทุกอย่างรวมในแอปเดียว ตัวอย่างเช่น LINE ที่สามารถทำได้ทั้งการสนทนาพูดคุย อ่านข่าวหรืออัปเดตต่างๆ สั่งอาหาร หรือแม้กระทั่งช้อปปิ้งก็ทำได้ในแอปเดียว, แอป TrueMoney เริ่มเป็น Super App แล้ว เดี๋ยวนี้มีกระเป๋าเงิน จ่ายเงินได้ ซื้อกองทุน จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมี Shopee ที่มีพัฒนาแบบรุกหนัก ซึ่งนอกเหนือจากการช้อปปิ้ง ยังมี Shopee Food หรือ Shopee Travel อีกด้วย

เห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ Super App เริ่มเป็นกระแสแรงในประเทศไทย จนเป็นเทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565 ทุกธุรกิจ ทุกแอป พยายามดึงดูดลูกค้าเพื่อให้อยู่ในแอปของตัวเองให้นานหรือบ่อยครั้งที่สุด การนำเอาร้านค้าของตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Super App เหล่านี้ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ร้านค้าโซเชียลเติบโตมากขึ้นครับ

2. LIVE Commerce ควบคู่กับ OEM

กระแส Shoppertainment ยังคงไม่ไปไหน ทำให้เทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565 ยังคงมีการ LIVE Commerce หรือการไลฟ์สดขายของออนไลน์ กันอยู่และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย โดยเริ่มจากพ่อค้าแม่ขายมืออาชีพที่ไลฟ์จนเป็นอาชีพจริง ๆ เรียกว่าเป็น Professional Live Commerce เลยก็ว่าได้ 

เมื่อทำการ LIVE Commerce จนมีความเชี่ยวชาญแล้ว พ่อค้าแม่ขายอาจมีทุนมากพอที่จะติดต่อผู้ผลิต OEM (Original Equipment Manufacturer) เพื่อผลิตสินค้าเป็นแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งมีข้อดีในการลดต้นทุนระยะยาวและทำกำไรมากกว่าเดิม

3. Combine และ Automated E-Commerce

ปัจจุบันนี้การ “รวบรวม (Combine)” ช่องทางการขายเข้าด้วยกัน เป็นเทรนด์ที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ผู้ทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขายบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือสื่อช่องอื่นๆ จะสามารถรวบรวมข้อมูลมาไว้ที่เดียวกัน เพื่อมาวิเคราะห์ว่าช่องทางไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อ Combine ข้อมูลทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียวกันได้ สิ่งที่ตามมาคือ Automated E-Commerce หรือก็คือสามารถทำการขายแบบอัตโนมัติได้ อาทิ แชทบอท (Chat Bot) ที่เข้ามาช่วยตอบรับออร์เดอร์ลูกค้า ออกใบเสร็จ หรือการช่วยจัดฐานข้อมูล เป็นต้น ร้านค้าจึงสามารถปิดการขายในปัจจุบันได้รวดเร็วขึ้นและจะมีระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยมากขึ้น

4. ธุรกิจ Direct To Consumer มีบทบาทมากกว่าเดิม

แบรนด์และผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ได้หันมาจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าโดยตรงแบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง (Direct To Consumer) กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ในมาร์เก็ตเพลส แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ หรือบนโซเชียลมีเดียของตัวเอง โดยมีการสร้างบัญชีของตัวเอง เปิดร้านเอง และติดต่อกับลูกค้าเอง เทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565 นี้ จึงส่งผลให้บทบาทความสำคัญของผู้ค้าปลีกหรือพ่อค้าแม่ขายรายย่อยจะเริ่มลดลง ต้องเจอกับคู่แข่งที่เป็นผู้ผลิตมากขึ้น โดยปีหน้าจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เมื่อตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

5. Retail Automation เครื่องขายของตลอด 24 ชม.

แม้ Retail Automation จะไม่ได้เป็นกระแส E-Commerce Trend ที่มาแรงเท่ากับเทรนด์อื่นๆ แต่ก็สามารถเห็นได้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น  ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติต่างๆ (Vending Machine) อย่างเครื่องดื่ม อาหารว่าง หรือหน้ากากอนามัย ที่สามารถขายสินค้าได้ 24 ชั่วโมงมากขึ้น อีกทั้งยังมีระบบทันสมัยอย่าง Digital Payment ที่เข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้มากขึ้น

6. Crypto Commerce

เรียกได้ว่าสกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency (คริปโตเคอร์เรนซี) เป็นสิ่งที่หลายคนหันมาลงทุน ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ก็ได้หันมาใช้สกุลเงินคริปโตต่างๆ มาใช้กับการค้าขาย ชำระค่าสินค้าได้นั่นเอง แต่ต้องบอกก่อนว่าในแง่ของนโยบายของกฎหมาย ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) ยังไม่ได้สนับสนุนในแง่การนำเงินคริปโตเคอร์เรนซีมาใช้ในแง่การซื้อขายมากเท่าไหร่ แต่ทว่าในปีหน้าอาจจะเริ่มเห็นในอุตสาหกรรมบางกลุ่มที่หันมาใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อซื้อ-ขายสินค้าและบริการกันมากขึ้น เป็นเทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565 ที่ต้องจับตามองกันอย่างใกล้ชิด

7. การตลาดอีคอมเมิร์ซที่ Aggressive มากกว่าเก่า

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อตลาดอีคอมเมิร์ซได้รับความนิยมมากขึ้น การแข่งขันจะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน งบประมาณโฆษณาที่ใช้เท่าเดิมอาจไม่สามารถเพิ่มยอดขายได้เหมือนเก่า ส่งผลให้การลงโฆษณาหรือยิงแอดจำเป็นต้องใช้งบประมาณมากขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด เพื่อกระตุ้นการขายให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ ดังนั้นการทำโฆษณาหรือการตลาดออนไลน์จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนในด้านงบประมาณให้ดี

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2565 ที่น่าสนใจอย่างมาก พ่อค้าแม่ขายควรติดตามเอาไว้เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์และสามารถปรับตัวธุรกิจให้แข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซต่อไปได้นั่นเองครับ

ส่วนพ่อค้าแม่ขายท่านใดที่ต้องการเพิ่มกำไรให้กับร้านขายของออนไลน์ขึ้นในตลาดอีคอมเมิร์ซอีก ขอแนะนำให้เข้ามาขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม LINE SHOPPING ที่มาพร้อมกับเครื่องมือช่วยบริหารร้านค้าแบบครบวงจรอย่าง “MyShop” ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเช่น ระบบนับสต็อกสินค้าแบบ Real Time ตัดสินค้าตามเวลาจริง, ระบบ Flex Message ที่คอยตอบรับคำสั่งซื้อลูกค้าแบบอัตโนมัติ, มี Storefront สร้างเว็บขายของออนไลน์ฟรีเป็นของตัวเอง สามารถนำเว็บขายของฟรีนี้ไปแชร์ยังโซเชียลมีเดียต่างๆ เพิ่มช่องทางในการขาย สามารถติดตามสถานะออเดอร์ตั้งแต่ต้นจนจบ และรองรับการชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะโอนเงิน จ่ายผ่านบัตรเครดิต เก็บเงินปลายทาง หรือจ่ายผ่าน Rabbit LINE Pay โดยไม่ต้องสลับแอปฯ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์แบบไหนก็เริ่มทำธุรกิจและเพิ่มยอดขายบนแพลตฟอร์ม LINE SHOPPING ได้ง่ายๆ

เพียงมี LINE OA สามารถเปิดบัญชี MyShop ได้ฟรี ที่ lineshoppingseller.com

เปิดร้านขายบน LINE SHOPPING ได้แล้ววันนี้

ต่อยอดการขายด้วย MyShop เครื่องมือตัวช่วยจัดการร้านค้าจาก LINE

บทความที่เกี่ยวข้อง
my-shop-logo

ตัวช่วยการขายที่ทุกร้านค้าออนไลน์ต้องมี

MyShop Download on the App Store MyShop Get it on Google Play

© LY Corporation 2023