สร้างภาพจำชัดเจนให้แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่ง ผ่านหลักจิตวิทยาการใช้สี ต้องทำยังไง?

webclip.png
01 Nov 2021

อย่างที่ทราบกันดีว่าองค์ประกอบสำคัญที่เป็นหนึ่งใน Brand Identity หรืออัตลักษณ์ของแบรนด์ คือ “สี” ไม่ว่าจะเป็นสีที่ใช้บนแพ็กเกจสินค้าหรือสีโลโก้แบรนด์ ล้วนบ่งบอกถึงตัวตนและบุคลิกของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในหลายๆ ครั้ง คนทั่วไปมักจะจำสีแบรนด์ได้ดีกว่าโลโก้เสียอีก ดังนั้นการใช้ “หลักจิตวิทยาการใช้สี” ที่เหมาะสมนั้น นอกจากจะสร้างภาพจำแล้ว ยังทำให้แบรนด์โดดเด่น ช่วยดึงดูดลูกค้า และสร้างเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครอีกด้วย

LINE SHOPPING จึงจะมาแนะนำ “จิตวิทยาการใช้สี” สร้างภาพจำชัดเจนให้แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่งบนโลกออนไลน์

ทำความรู้จักจิตวิทยาการใช้สี

ผู้เริ่มทำธุรกิจมือใหม่หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมแบรนด์ต้องมีสีด้วย ในหลายปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยและการศึกษานับไม่ถ้วนที่เกี่ยวกับ “จิตวิทยาการใช้สี” ซึ่งทั้งหมดล้วนบ่งบอกว่า “สี” มีผลต่ออารมณ์ เนื่องจากเกิดการกระตุ้นการทำงานของสมอง สร้างการรับรู้และส่งผลต่อการตัดสินใจหรือพฤติกรรมมนุษย์ให้เป็นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้นั่นเอง

การเลือกสีโลโก้แบรนด์, หน้าเว็บขายของออนไลน์, ผลิตภัณฑ์ และส่วนอื่นๆ จะส่งผลต่อแบรนด์อย่างมาก เนื่องจากจะเป็นส่วนแรกที่ผู้บริโภคสังเกตเห็น และยังเป็นเครื่องมือสื่อสาร ที่จะส่งผลในระยะยาว ยกตัวอย่างเช่น ป้าย Sale ที่พบเห็นได้ทั่วไปมักจะมีสีแดง เพราะเป็นสีที่สามารถดึงดูดความสนใจและกระตุ้นความอยากซื้อ โดยที่ลูกค้าอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

แบรนด์เรา ใช้สีอะไรดี?

พ่อค้าแม่ขายอาจมีคำถามว่าสีอะไรช่วยเพิ่มยอดขายได้บ้าง ซึ่งในแต่ละธุรกิจและอุตสาหกรรมมีสีที่เหมาะสมต่างกันไป อาทิ ร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์อาจจะใช้สีเหลือง ในขณะที่ร้านไอทีอาจใช้สีน้ำเงินหรือสีฟ้า สีต่างๆ สามารถกระตุ้นอารมณ์อะไรได้บ้าง แล้วจะเหมาะกับแบรนด์หรือธุรกิจแบบไหน มาดูกันเลย

1. สีน้ำเงิน/สีฟ้า

สีน้ำเงินนั้นเรียกได้ว่าเป็นสีที่เป็นที่นิยมสูง โดยผลสำรวจจาก Marketo และ Column Five พบว่าจาก 100 แบรนด์ดังทั่วโลกมีการใช้สีน้ำเงินถึง 33% เลยทีเดียว เพราะเป็นสีที่แสดงถึงความสงบ ความเป็นมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือและมั่นคง ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี เครื่องจักร หรือนวัตกรรมจึงนิยมใช้สีนี้ อย่างเช่น Facebook, LinkedIn, Samsung, ปตท. ฯลฯ สีน้ำเงินหรือสีฟ้า จึงถือเป็นสีที่เหมาะสำหรับสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ที่เริ่มทำธุรกิจใหม่ในตอนนี้ 

2. สีแดง

สีที่ให้ความรู้สึกร้อนแรงและแข็งแกร่ง กระตุ้นประสาทรับรู้ให้เลือดสูบฉีด ทำให้ได้รับความนิยมตามมาติดๆ เนื่องจากเป็นสีที่กระตุ้นความสนใจ ดึงดูดให้ผู้คนหันมาสนใจสินค้า จึงไม่แปลกที่ป้าย Sale จะเป็นสีแดงไปซะหมด นอกจากนี้ยังสื่อถึงความอยากอาหาร แบรนด์ชื่อดังอย่าง KFC หรือ Coca-Cola จึงนำมาเป็นสีประจำตัวนั้นเอง หากแบรนด์ของท่านอยากมอบความตื่นเต้น น่าหลงใหล และเพิ่มยอดขายจากลูกค้าให้ได้มากๆ สีแดงจะเป็นสีที่เหมาะมากทีเดียว

3. สีขาว/ดำ/เทา 

บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นสี ขาว ดำ และเทา อยู่คู่กันในแบรนด์ดังๆ เช่น Nike, Loreal, Gucci หรือ Apple เป็นต้น กลุ่มสีเหล่านี้สามารถสร้างความ “หรูหรา” และมีระดับ สื่อถึงความเรียบง่ายแต่ดูดี สร้างภาพลักษณ์ความพรีเมียมอย่างมีประสิทธิภาพ หากวางแผนที่จะขายของออนไลน์แบบ High-End ขอแนะนำให้สร้างแบรนด์ระดับพรีเมียมโดยใช้สีขาว สีดำ และสีเทา เหล่านี้ สร้างภาพจำที่ตรงความต้องการอย่างแน่นอน

4. สีม่วง 

สีม่วงนั้นสื่อความรู้สึกที่ซับซ้อน แต่สง่างาม ดูมั่งคั่ง มีความลึกลับซ่อนอยู่ภายในที่น่าค้นหา และมีความทะเยอทะยาน กลุ่มที่นิยมใช้สีม่วงมากที่สุด คือ ธุรกิจการเงิน เทคโนโลยี สุขภาพ หรือใช้กันในบางสายการบินและแบรนด์เครื่องแต่งกาย ยกตัวอย่างเช่น การบินไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, Twitch, FedEx, Yahoo! ดังนั้นหากธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมดังกล่าว การใช้สีม่วงเพื่อสื่อถึงความน่าค้นหาจะทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าได้นั่นเอง   

5. สีเขียว 

มาถึงสีเขียวที่เป็นสีแห่งธรรมชาติและสงบที่สุดในสายตามนุษย์ สามารถสร้างความรู้สึกสดชื่น ร่มเย็น และผ่อนคลายได้ ช่วยสร้างความเป็นมิตรต่อลูกค้าได้ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Starbuck, ธนาคารกสิกรไทย, Grab และรวมไปถึง LINE ด้วย อีกทั้งแบรนด์ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกก็สามารถใช้สีเขียว เพื่อสร้างภาพจำที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติได้เช่นกันครับ

ทั้ง 5 สีที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นที่นิยมต่อแบรนด์ทั่วโลก ซึ่งนอกจากนี้ยังมี สีเหลืองที่สื่อถึงความสดใสร่าเริง สีส้มบ่งบอกถึงความมั่นใจและเป็นกันเอง และบางแบรนด์ อย่างเช่น Google หรือ Microsoft นั้นมีการใช้หลากหลายสีรวมกัน เพื่อสื่อถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย

เมื่อได้ทราบถึงความหมายและผลต่ออารมณ์ของมนุษย์ในจิตวิทยาการใช้สีแล้ว หวังว่าพ่อค้าแม่ขายสามารถนำไปใช้กับแบรนด์ของตัวเองได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะสร้างร้านค้าบนโซเชียล เว็บขายของฟรี หรือ Marketplace ต่างๆ ก็ตาม 

นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ผู้เริ่มทำธุรกิจออนไลน์เข้ามาขายของบน LINE SHOPPING ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องมือที่ผู้ที่เริ่มทำธุรกิจไม่ควรพลาด คือ “MyShop” ที่เป็นเครื่องมือช่วยบริหารร้านค้าแบบครบวงจร ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเช่น ระบบนับสต็อกสินค้าแบบ Real Time ตัดสินค้าตามเวลาจริง, ระบบ Flex Message ที่คอยตอบรับคำสั่งซื้อลูกค้าแบบอัตโนมัติ, มี Storefront เหมือนสร้างเว็บขายของออนไลน์ฟรีเป็นของตัวเอง สามารถนำไปแชร์ยังโซเชียลมีเดียต่างๆ เพิ่มช่องทางในการขาย สามารถติดตามสถานะออเดอร์ตั้งแต่ต้นจนจบ และรองรับการชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะโอนเงิน จ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือ Rabbit LINE Pay ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์แบบไหนก็เริ่มทำธุรกิจบน LINE SHOPPING ได้ง่ายๆ

เปิดร้านขายบน LINE SHOPPING ได้แล้ววันนี้

ต่อยอดการขายด้วย MyShop เครื่องมือตัวช่วยจัดการร้านค้าจาก LINE

บทความที่เกี่ยวข้อง
my-shop-logo

ตัวช่วยการขายที่ทุกร้านค้าออนไลน์ต้องมี

MyShop Download on the App Store MyShop Get it on Google Play

© LINE Corporation 2021